แก๊งอุ้มบุญ Come Back เปิดเพจรับสมัครสาวอุ้มบุญ

สังคม
16 ก.พ. 66
14:35
5,361
Logo Thai PBS
แก๊งอุ้มบุญ Come Back เปิดเพจรับสมัครสาวอุ้มบุญ
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)

แก๊งอุ้มบุญไม่สนกฎหมาย เปิดเพจรับสมัครแม่อุ้มบุญ "ไทย-ลาว-กัมพูชา" เย้ยรัฐ ผงะเครือข่ายเดียวเงินหมุนเวียน 90 ล้านบาท ด้าน สบส.ขยับแก้กฎหมายเปิดช่องใช้เทคโนโลยีเจริญพันธ์ุหารายได้เข้าประเทศ

แม้ข้อมูลยังไม่ชัดว่า ตั้งแต่ปี 2555-2566 มีเด็กอุ้มบุญถูกส่งออกไปต่างประเทศเท่าใด แต่ปี 2563 พบมีการนำเด็กอุ้มบุญออกไปแล้วจำนวน 300 คน และมีแนวโน้มสภาพปัญหาแม่รับจ้างอุ้มบุญอาจเพิ่มขึ้น เนื่องจากหลายประเทศทั่วโลกกำลังเผชิญกับสภาวะสังคมผู้สูงวัย ขณะที่จำนวนเด็กเกิดน้อยลง

ปัจจุบันไทยถือว่าเป็นตลาดใหญ่ของการรับจ้างอุ้มบุญ ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ระบุว่า หญิงที่รับจ้างอุ้มบุญจะได้ค่าจ้างครั้งละ 450,000-500,000 บาท กรณีอุ้มบุญแฝด แม่อุ้มบุญจะได้ค่าจ้างเพิ่มขึ้น ไม่รวมค่าใช้จ่ายตามที่แพทย์นัดตรวจ เคยพบว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งมีรายได้ 1.5 ล้านบาทจากการรับจ้างอุ้มบุญเด็ก 3 คน

การกระทำดังกล่าว มีความผิดตามพ.ร.บ.คุ้มครองเด็กโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ ทางการแพทย์ พ.ศ.2558 การลักลอบจัดหาหญิงไทยเพื่อจ้างตั้งครรภ์แทนให้กับผู้ว่าจ้างชาวต่างชาติ และเข้าข่ายเป็นองค์กรอาชญา กรรมข้ามชาติ ข้อหาร่วมกันดำเนินการให้มีการตั้งครรภ์แทนเพื่อประโยชน์ทางการค้า ร่วมกันซื้อ เสนอซื้อ ขาย นำเข้า หรือส่งออก ซึ่ง อสุจิ ไข่ หรือตัวอ่อน

เปิดเพจจ้างแม่อุ้มบุญ Come Back

เมื่อส่องตามหน้าเพจเฟซบุ๊ค และเขียนคำว่าแม่อุ้มบุญจะปรากฎคำว่า แม่อุ้มบุญรายได้ดี 2 มีรูปเด็กทารกผิวขาวอ้วนจ้ำม่ำ เพจนี้มีผู้ติดตาม 81 K followers มีผู้กดไลค์ 67 likes เมื่อวันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมา มีข้อความว่า หาน้องที่พร้อมปรับยา ที่ประจำเดือนใกล้มา อายุ 18-34 ปี สูง 150 ขึ้นไป น้ำหนักไม่เกิน 70 ราคา 430,000-500,000 บาท ค่ารถ 1,000 บาท 

ข้อความที่ 2 เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.2022 รับแม่อุ้ม อายุ 18-34 ปี พ.ศ 2547-2531 เคสใส่พนมเปญ คลอดนอก เรท 430,000 บาท ไม่ต้องอยู่บ้านพัก ไปใส่แค่ 7 วัน รอตรวจเบต้าอีกไม่เกิน 10 วัน ท้องกลับไปดูแลตัวเองได้เลย มีนมบำรุงให้ 500 บาทหลังเจอคลื่นหัวใจ

ส่องไปที่เพจ แม่อุ้มบุญรายได้ดี ไม่มีโกง 100 % มีข้อความว่า ตามหาแม่พร้อมทำ ต่างชาติ ลาว พม่าฯลฯจำนวนมาก เรท 430,000 ใส่ไทย คลอดไทย มีบ้านพัก อาหารฟรี พร้อมเงินเดือน

ส่วนอีกหน้าเพจเฟซบุ๊ค"รับแม่อุ้มบุญ"ข้อความล่าสุด เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.2022 ระบุว่า รับแม่อุ้มบุญเรท 430,000 บาท อายุ 30-35 ปี รับคลอดธรรมชาติ ผ่าต้องไม่เกิน 32 และ"รับคนพม่า กัมพูชา จำนวนมาก" "ตามหาแม่อุ้มบุญคนลาว" และรับทำเอกสารการคลอดบุตรให้ถูกต้องตามกฎหมาย”

ข้อความต่างๆที่ปรากฎผ่านหน้าเพจรับจ้างอุ้มบุญสะท้อนให้เห็นว่า แม้การรับจ้างอุ้มบุญจะผิดกฎหมาย ที่ผ่านมาตำรวจและดีเอสไอมีการทลายเครือข่ายของเอเย่นต์และนายหน้าอย่างต่อเนื่อง แต่เหตุการณ์นี้กลับมาอีกครั้งหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คายและไทยเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว

แกะรอยทลายเครือข่ายอุ้มบุญจีน-ไทย

ปี 2563 "จ้าวหลาน" เครือข่ายใหญ่แก๊งอุ้มบุญที่เข้ามาเปิดธุรกิจขายเครื่องมือแพทย์ในนาม บริษัท สยามเคมิคอล จำกัด และบริษัท จีเอ็มทีที จำกัด นำเข้าผักผลไม้จากจีนบังหน้า แต่เบื้องหลังส่งออกเด็กอุ้มบุญกลับไปประเทศจีน ก่อนหน้าที่ตำรวจจะทลายเครือข่ายนี้พบข้อมูลว่า มีการส่งออกเด็กอุ้มบุญมากกว่า 100 คนไปยังประเทศจีน

ปี 2564 เกิดเหตุการณ์ ด.ช.แทนไท ทารกอายุ 4 เดือน ถูกส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ด้วยภาวะชักเกร็ง และมีเลือดออกในสมอง แพทย์วินิจฉัยว่า เกิดจากการได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง

มารดาของ ด.ช.แทนไท ยอมรับว่า เป็นแม่อุ้มบุญ และอยู่ระหว่างรอส่งมอบเด็กให้ผู้ว่าจ้าง โดยเธอเดินทางไปฝังตัวอ่อนทารกที่กัมพูชา และเมื่อครบกำหนดคลอด เอเย่นต์สั่งให้เดินทางไปคลอดบุตรที่คลีนิคแห่งหนึ่งที่ประเทศจีน

ซึ่งเป็นสถานพยาบาลที่ผู้ว่าจ้างระบุไว้ พร้อมให้ส่งมอบเด็กทันทีหลังคลอด แต่ช่วงนั้นเกิดปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แม่อุ้มบุญไม่สามารถเดินทางไปคลอดที่ต่างประเทศได้จึงต้องคลอดในไทย

"คดีนี้ตำรวจและดีเอสไอ ขยายผลพบว่า เอเย่นต์ชาวจีนและนายหน้าไทย เปิดสถานที่รับเลี้ยงเด็กบังหน้า โดยใช้ชื่อ " GS กิ๊ก บริการศูนย์แม่บ้าน" รับเลี้ยงเด็กจริง มีเด็กทารกอยู่ในความดูแล 2 คน จากการตรวจดีเอ็นเอพิสูจน์พบเป็นทารกที่เกิดจากขบวนการอุ้มบุญจริง แม้กลุ่มนี้จะถูกทลายลงไป ก็มีกลุ่มอื่นๆเกิดขึ้นต่อเนื่อง" แหล่งข่าวระบุ

เจ้าหน้าที่คนเดิม ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า สำหรับวงเงินหมุนเวียนของแก๊งอุ้มบุญ เคยตรวจสอบพบว่าเครือข่ายเดียวมีการว่าจ้างแม่อุ้มบุญทารก 20 คน มีวงเงิน 60 ล้านบาท เส้นทางธุรกรรมทางการเงินเป็นการโอนเข้าบัญชีจากผู้ว่าจ้างและ นายหน้าไปยังแม่อุ้มบุญ

แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนรูปแบบหนีการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ โดยนายหน้าจะจ่ายเป็นเงินสด การติดต่อสื่อสารจะไม่ใช้มือถือ จะส่งแมสเซส หรือติดต่อทางไลน์ จึงตรวจสอบได้ยากขึ้น

เปิดใช้เทคโนฯเจริญพันธุ์อุ้มบุญหารายได้เข้าประเทศ

นับจาก พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ุทางการแพทย์ พ.ศ.2558 มีผลบังคับใช้ มีการอนุญาตตั้งครรภ์ให้ผู้อื่นตั้งครรภ์แทนแบบอุ้มบุญ เพื่อช่วยครอบครัวหรือในภาระผู้ที่มีบุตรยาก จำนวน 684 คน

โดยคณะกรรมการคุ้มครองเด็ก ที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ (กคทพ.) พิจารณาอนุญาตให้มีการตั้งครรภ์แทนแล้ว 621 คน

โดยในแต่ละปีมีคู่สามี-ภรรยา ติดต่อขอรับคำปรึกษาต่อการใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์นับร้อยคู่ แสดงให้เห็นความเชื่อมั่นต่อเทคโนโลยีทางการแพทย์และการบังคับใช้กฎหมายของไทย

นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์เป็นอีกหนึ่งช่องทางสำคัญในการสร้างรายได้ให้แก่ประเทศ ปีละกว่า 4,000 ล้านบาท ไทยมีสถานพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชนที่ผ่านการรับรองมาตรฐานการให้บริการดังกล่าวถึง 104 แห่ง และมีอัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์เฉลี่ยสูงถึงร้อยละ 46 ทำให้คู่สมรสที่มีบุตรยากเข้ามารับบริการในไทย

"เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ที่สถานพยาบาลให้บริการ คือการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) การผสมเทียม การรักษาภาวะมีบุตรยาก ชาวต่างชาติสามารถรับบริการได้ แต่คู่สามี-ภรรยาชาวต่างชาติไม่สามารถรับบริการให้หญิงอื่นตั้งครรภ์แทน หรืออุ้มบุญได้ เพราะฝ่าฝืนกฎหมาย"อธิบดีสบส. กล่าว

ภาวะการณ์มีบุตรยากเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในทุกประเทศ หากมองว่า เป็นโรคก็ต้องหาทางรักษา

แต่เนื่องจากกฎหมายของไทยมีข้อจำกัด จึงเสนอให้ปรับแก้ไขกฎหมายให้ต่างชาติเข้ามารักษาในไทยได้ โดยทำมาตรฐานระบบการลงทะเบียนให้ชัดเจนเพี่ออนุญาตให้มีตั้งครรภ์แทน

แต่กว่ากฎหมายจะผ่านเงื่อนไขต่างๆอาจต้องใช้เวลา เพราะการใช้เทคโนโลยีแก้ปัญหาผู้ที่มีบุตรยากค่อนข้างจะแพง หากมีการช่วยเหลือคู่สมรสที่มีความจำเป็น ให้ได้รับสิทธิประโยชน์เหมือนสิทธิบัตรทองจะต้องผ่านการผลักดันในระดับนโยบาย ซึ่งต้องใช้เวลาอีกนาน

 

อ่านข่าวอื่นๆ

มอง “เชียงใหม่” 700 กว่าปี ด้วยสายตานักประวัติศาสตร์-สถาปัตย์

"อมรัตน์" ซัด กอ.รมน. ยุค "ประยุทธ์" ยิ่งทำงานยิ่งสร้างความขัดแย้ง

สั่งสอบ 60 บริษัท 150 คน เกี่ยวพัน "สารวัตรซัว"

ข่าวที่เกี่ยวข้อง