"นฤมล" มั่นใจ "บัตรป้อม 700" ทำได้จริง ปัด พปชร. ดีล พท.

การเมือง
28 ก.พ. 66
12:34
201
Logo Thai PBS
"นฤมล" มั่นใจ "บัตรป้อม 700" ทำได้จริง ปัด พปชร. ดีล พท.
"นฤมล" ยันบัตร "ป้อม 700" ทำได้จริง แจงที่มาเกลี่ยงบจากการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ เตรียมเปิดนโยบาย ระดับภาค ปัด พปชร. ดีลการเมือง พท. ล่วงหน้า รอผลเลือกตั้งชี้วัด แต่เปิดช่องสลายขั้ว ยุติความขัดแย้ง ชู "บิ๊กป้อม" นายกฯ คนที่ 30 นำก้าวข้ามความขัดแย้ง

วันนี้ (28 ก.พ.2566) นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ไทยพีบีเอสถึง นโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ บัตรป้อม 700 นโยบายของพรรคพลังประชารัฐ ว่า ก่อนคลอดนโยบายดังกล่าวได้หารือในที่ประชุมและมีหลายความเห็นมีหลายตัวเลขที่นำเสนอเพื่อต้องการแก้ไขปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืนใน 4 มิติ และ 700 บาท เป็นตัวเลขที่พรรคพิจารณาแล้วโดยรอบคอบว่าสามารถทำได้

ส่วนนโยบายของพรรครวมไทยสร้างชาติหรือพรรคอื่นที่ออกมาทีหลัง ตัวเลข 1,000 บาท หรือในอนาคตอาจสูงกว่านั้น นางนฤมล ระบุ ไม่อยากให้พรรคพลังประชารัฐ มีภาพนโยบายประชานิยมหรือแจกเพียงอย่างเดียวแต่ต้องการให้เห็นภาพ นโยบายพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนในระยะยาว มีสวัสดิการประชารัฐ เศรษฐกิจประชารัฐ และสังคมประชารัฐ 3 เรื่องหลัก

เหมือนเสาบ้านที่เป็นเสาหลัก และเมื่อช่วงการเลือกตั้งจะมีการแข่งขันเรื่องนโยบาย ต้องบอกประชาชนชัด ๆ ว่าเศรษฐกิจฐานรากจะทำอะไร วิสาหกิจชุมชนเศรษฐกิจชุมชนมีอะไรบ้างที่เติมเช่นกองทุนหมู่บ้านหรือรูปแบบอื่น

ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องธรรมชาติปกติที่ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งมักมีการแข่งขันด้านนโยบาย แต่ก็ขึ้นอยู่กับประชาชนที่จะดูถึงความเป็นไปได้ไม่ส่งผลภาระงบประมาณการคลังระยะยาว ไม่กระทบต่อการจ่ายภาษีเป็นภาระหนี้ของประเทศในระยะยาว เพราะท้ายที่สุดจะทำไม่ได้อย่างยั่งยืน

เกลี่ยงบจากการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ

สำหรับข้อสงสัยว่าจะนำงบประมาณจากส่วนไหนมาดำเนินตามนโยบายนั้น นางนฤมล กล่าวว่า จะจัดสรรเกลี่ยงบประมาณจากการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจมาใช้ และจะมีเฉพาะบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่จะนำเงินไปใช้ชาวนคนมีรายได้น้อย และจะเกลี่ยเม็ดเงินตรงอื่นมาแก้ให้ตรงจุด

ตรงนี้ถือเป็นการให้ปลาไปแต่ต้องฝึกจับปลา เป็นการฝึกทักษะอาชีพให้เบ็ดตกปลา และแก้ปัญหาหนี้สินโดยเฉพาะหนี้นอกระบบ

นางนฤมล ยังกล่าวว่า พรรคเปิดนโยบาย ต่อยอดบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การดูแลประชาชนให้ครบ 4 มิติ นโยบาย มีเรามีที่ทำกิน มีที่ดินไม่มีจน และมีน้ำไม่มีจน ส่วนนโยบายเร่งด่วนหลังจากนี้คือเรื่องค่าของชีพ ที่จะช่วยประชาชนทั่วไปซึ่งแบกภาระ หากตรึงราคาพลังงานลงมาได้ในแนวทางที่เป็นไปได้จะได้ช่วยลดภาระประชาชน ลดค่าของชีพจึงจะมีนโยบายมาตรการด้านพลังงาน

ขณะนี้ยังคุยกันอยู่เรื่องตัวเลขและวิธีการในรายละเอียด แต่รอตัวเลขที่เป็นไปได้ไม่ส่งกับผลกระทบและยั่งยืน เพราะไม่อยากให้สัญญาแล้วทำไม่ได้ จึงต้องรับฟังข้อเสนอจากหลายฝ่าย ห่วงเรื่องภาระการคลังเรื่องราคาพลังงานซับซ้อน

เตรียมเปิดนโยบายระดับภาค ดึงเศรษฐกิจ-จ้างงาน

นางนฤมล กล่าวเพิ่มเติมว่า พรรคฯยังเตรียมนโยบายระดับภาคที่เหมาะสมกับบริบทของพื้นที่และภาคต่าง ๆ จึงจะออกนโยบายเป็นรายภาคเหนือ กลาง อีสาน ใต้ และอยากให้เกิดเขตเศรษฐกิจพิเศษในแต่ละภาค เพื่อดึงเศรษฐกิจและการจ้างงานความเจริญไปสู่แต่ละภาคไม่ให้กระจุกตัวอยู่ในตัวเมืองหรือมีแค่อีอีซีในภาคตะวันออกเท่านั้น แต่อยากให้เกิดทั่วทั้งประเทศซึ่งเป็นแนวคิดของคณะทำงานที่เสนอกัน และรับฟังจากคนในพื้นที่โดยตรง และเมื่อเกิดเขตเศรษฐกิจพิเศษ ก็มีนโยบายเศรษฐกิจประชารัฐจะเข้าไปจับสานต่อ

นางนฤมล กล่าวว่า ความพร้อมนโยบายชุดใหญ่ ของพรรคพลังประชารัฐ แต่รายละเอียดส่วนอื่น ๆ หมวดหมู่การนำเสนอในรูปแบบป้ายหาเสียงสื่อสารไปยังประชาชน จะทยอยออกมาเพราะต้องรอดูในสังเวียนว่า จะเป็นอย่างไรบ้าง แต่ในลำดับต่อ ๆ ไปจะเน้นเศรษฐกิจชุมชน เศรษฐกิจฐานราก เอสเอ็มอี ที่จะทำให้กับพี่น้องคนตัวเล็กให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนในห้วงเวลาที่เศรษฐกิจโลกยังชะลอตัว เช่นเดียวกับเรื่องการวางตัวบุคคล

 

นางนฤมล ยืนยันไม่กังวลคนจะออกจากพรรค แต่ยอมรับว่าเมื่อ 4-5 เดือนที่ผ่านมาค่อนข้างกังวล แต่ขณะนี้พรรคเปิดตัวไป 98-99% แล้ว แม้บางคนที่ยังไม่ออกแต่ก็มีความชัดเจนว่าจะไม่อยู่กับพรรคได้แจ้งและได้เตรียมตัวว่าที่ผู้สมัครคนอื่นไว้รองรับแล้ว

ยังจะมีคนเข้ามาร่วมงานกับพรรคอีกเรื่อย ๆ จนถึงภาวะล้นมีผู้ประสงค์ลงสมัครมากกว่าจำนวนเขตที่มี แต่ยังไม่มีบิ๊กดีลเหมือนพรรคสร้างอนาคตไทยก่อนหน้านี้

ส่วนในพื้นที่ นางนฤมล กล่าวว่า เดิมได้ 12 ที่นั่งเกิน 1 ใน 3 ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ตั้งเป้ารักษาที่นั่งไว้เดิมให้ได้ ซึ่ง กทม. มีลักษณะแตกต่างกับพื้นที่อื่นไม่ได้ตัดสินใจที่นโยบาย อาจตัดสินใจที่ตัวผู้สมัครหรือจุดยืนของพรรคพลังประชารัฐ หรือสิ่งที่พพรคไหนทำแล้วมีความหวังทำให้ประเทศหลุดพ้นจากกับดัก หลุดจากความเป็นขั้วทางการเมืองที่ทะเลาะกันมาร่วม 20 ปี

ที่ผ่านมาคนกรุงเทพมักให้โอกาสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสมอ แต่การให้โอกาสกลับกลายเป็นความขัดแย้งขึ้นมาได้อีก ทำให้ประชาชนรู้สึกไม่อยากทะเลาะจึงอยากเลือกพรรคที่ไม่มีฝั่งฝ่ายหรือพรรคที่อยู่ฝั่งประชาชน ซึ่งเป็นจุดยืนเดียวกันกับพรรคที่ต้องการทำงานเพื่อประชาชนไม่ต้องการทะเลาะกับใครไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาเป็นอย่างไรจึงเอาจุดยืนเมื่อปี 2562 มาใช้อีกครั้งคือเรื่องของการก้าวข้ามความขัดแย้ง

ปัด พปชร.ดีลการเมือง พท. ล่วงหน้า

นางนฤมล ยังยืนยันว่า พลังประชารัฐไม่มีการจับขั้วทางการเมือง เปิดดีลกับเพื่อไทยหรือพรรคการเมืองอื่น กระแสที่ออกมาเป็นการคาดการณ์ของคนนอกยืนยันไม่มีพรรคการเมืองไหนพูดคุยกันล่วงหน้าเพราะต้องรอดูผลลัพธ์จากการเลือกตั้งทั้งสิ้น

และหากเกิดมีการจับมือกันต้องมีการหลบเลี่ยงเบี่ยงให้กันแต่พลังประชารัฐสู้ทุกที่ทุกเขต หลายพื้นที่ในภาคอีสานสู้กับพรรคเพื่อไทย จึงไม่มีดีลอะไรอย่างที่ว่าแน่นอน แต่หลังเลือกตั้งออกมาแล้วใครได้เท่าไหร่จะทำอะไรให้ประชาชนบ้างจุดยืนคืออะไรตรงนั้นค่อยมาเจรจากัน

หลังการเลือกตั้งพรรคพลังประชารัฐมีจุดยืนที่จะทำงานร่วม กับทุกพรรคได้เพราะขั้วของพรรคคือประชาชนและต้องการยุติความขัดแย้งในประเทศเสียที

ชู "บิ๊กป้อม" นายกฯ คนที่ 30 นำก้าวข้ามความขัดแย้ง

นางนฤมล กล่าวย้ำถึงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคคือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณหัวหน้าพรรคเพียงคนเดียว ส่วนที่พรรคถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าจะได้ที่นั่งน้อยกว่าครั้งที่ผ่านมาก็น้อมรับ รับฟังคำวิจารณ์เพื่อมาวิเคราะห์ตัวเองเพราะเป็นประโยชน์จากสิ่งที่คนอื่นมองเข้ามาให้เราเห็นว่าเราผ่อนตรงนั้นต้องแก้ตรงไหน จึงไม่เห็นเป็นคำปรามาสแต่มองเป็นคำแนะนำเพราะยังสามารถปรับตัวได้จนถึงวันเลือกตั้ง

ทุกคนในพรรคเห็นตรงกันเหมือนกันหมด ว่า พล.อ.ประวิตร มีจุดเด่นคือความตั้งใจที่จะทำให้ประชาชนเวลาไปสั่งงานที่ไหน เวลาลงพื้นที่ห้องประชุมจะบอกว่าให้เอาประชาชนเป็นที่ตั้งอย่าเอาว่าเป็นพวกใครถ้าประชาชนได้ประโยชน์ต้องทำให้ ไม่ใช่ให้ทำในสิ่งที่พรรคได้เปรียบ ซึ่งเป็นจุดเด่นที่สำคัญที่จะเป็นผู้นำพาประเทศเพื่อขจัดความขัดแย้ง บุคลิกลักษณะความตั้งใจเป็นเช่นนั้น

นางนฤลมล ยังเชื่อว่าหาก พล.อ.ประวิตร ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคยที่ 30 ความสงบจะเกิดขึ้น อย่างแท้จริง ตัว พล.อ.ประวิตร และพรรคพลังประชารัฐจะไม่เข้าไปเป็นคู่ขัดแย้ง ทุกอย่างมีจุดร่วมจะเห็นการเมืองนิ่งได้ และถ้าทำได้จริงก้าวข้ามความขัดแย้งได้จริง จะเกิดเสถียรภาพทั้งทางเศรษฐกิจและการเมืองและประเทศจะเดินไปได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง