สหรัฐฯ เปิดคลิปอ้างเครื่องบินรบรัสเซียชนโดรนเหนือทะเลดำ

วันนี้ (17 มี.ค.2566) กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เผยภาพที่ระบุว่า เป็นการบินของเครื่องบินรบ SU-27 ของรัสเซียที่พุ่งเข้าเฉียดใกล้กับโดรน MQ-9 REAPER ของกองทัพสหรัฐฯ พร้อมกับทิ้งน้ำมันเชื้อเพลิง

ส่วนครั้งที่ 2 อาจเป็นเครื่องบินรบลำเดียวกันที่ทำแบบเดียวกันนี้ถึง 2 ครั้ง หรือเป็นเครื่องบินอีกลำหนึ่งที่บินติดตามอยู่ ซึ่งทิ้งน้ำมันใส่ก่อนที่จะชนเข้ากับใบพัดของโดรนจนเสียหาย ทำให้สัญญาณภาพตัดไปประมาณ 60 วินาที ก่อนที่จะกลับมาแสดงภาพได้อีกครั้งในช่วงท้ายคลิป ซึ่งจะเห็นได้ว่าใบพัดของโดรนเสียหายไปแล้ว

คลิปที่เผยแพร่ออกมานี้มีความยาว 42 วินาที ขณะที่เหตุการณ์การบินสกัดทั้งหมด สหรัฐฯ ระบุว่า กินเวลา 30-40 นาที

กองทัพสหรัฐฯ ระบุว่า การทิ้งน้ำมันใส่โดรนอาจเป็นความพยายามทำให้อุปกรณ์กล้องเสียหาย และการชนใบพัดจนเสียหายทำให้ต้องตัดสินใจทำให้โดรนลำนี้ตกลงในทะเลดำ ใกล้ไครเมีย

จากการเผยคลิปดังกล่าว John Kirby โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ระบุว่า วิดีโอนี้ยังไม่ทำให้ทำเนียบขาวมั่นใจว่า รัสเซียเจตนาทำให้โดรนสหรัฐฯ ตกหรือไม่ ที่แน่ ๆ คือเป็นการบินอย่างประมาทเลินเล่อและไร้ประสิทธิภาพ แต่ไม่ชัดเจนว่าจงใจด้วยหรือไม่

แต่อย่างไรก็ดี ถือว่าวิดีโอนี้เป็นข้อพิสูจน์ว่า รัสเซียโกหกกันซึ่ง ๆ หน้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ออกมาระบุว่าเกิดอะไรขึ้นหรือไม่เกิดอะไรขึ้นบ้าง

ก่อนหน้านี้รัสเซียออกมาแย้งข้ออ้างของสหรัฐฯ ที่ว่าเครื่องบินรบบินชนโดรน โดยระบุว่า ไม่มีการชนกันของเครื่องบินกับโดรนเกิดขึ้นตามที่สหรัฐฯ กล่าวอ้าง แต่จากคลิปเห็นชัดว่าเกิดการชน

สหรัฐฯ คาดรัสเซียพยายามกู้ซากโดรน

ด้านโฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ระบุว่า พบความเคลื่อนไหวที่บ่งชี้ว่ารัสเซียน่าจะกำลังพยายามกู้โดรนของสหรัฐฯ ลำนี้ที่ตกในทะเลดำอยู่

เมื่อวานนี้ เลขาธิการสภาความมั่นคงของรัสเซีย ยอมรับว่า ไม่แน่ใจว่ารัสเซีย จะกู้ซากโดรนของสหรัฐฯ ขึ้นมาจากทะเลดำได้หรือไม่ แต่แน่นอนว่ารัสเซียจะต้องทำและหวังว่าจะประสบความสำเร็จ ซึ่งผ่านมาสหรัฐฯ มักย้ำเสมอว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในความขัดแย้ง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเครื่องยืนยันว่าสหรัฐฯ เกี่ยวข้องโดยตรงกับการทำสงคราม

ขณะที่เซอเก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของรัสเซีย ระบุว่า สหรัฐฯ เพิกเฉยต่อการประกาศจำกัดการบินของรัสเซียในพื้นที่บางส่วนของทะเลดำ หลังจากรัสเซียเริ่มปฏิบัติการพิเศษทางการทหารในยูเครน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯ พยายามหาทางยั่วยุเพื่อเพิ่มโอกาสในการเผชิญหน้าอยู่เสมอ