จับสาวหลอกขายกระเป๋าแบรนด์เนม แต่ส่ง “ขนมบูด” ให้ลูกค้า

อาชญากรรม
14 เม.ย. 66
16:17
1,601
Logo Thai PBS
จับสาวหลอกขายกระเป๋าแบรนด์เนม แต่ส่ง “ขนมบูด” ให้ลูกค้า
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
เตือนภัยออนไลน์! ตำรวจบุกจับหญิงอายุ 33 ปี ย่านปทุมธานี หลอกขายกระเป๋าแบรนด์เนม แต่ส่งครีมกันแดด โลชั่นทาผิว ขนมหมดอายุ ให้ลูกค้า

วันนี้ (14 เม.ย.2566) กองบังคับการสืบสวนสอบสวน บช.น. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ศปอส.ตร. (PCT) จับกุม น.ส.พรณภา อายุ 33 ปี ที่หอพัก ซ.สุขศิริ ต.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี และจากการตรวจค้นห้องพัก พบสมุดบันทึกซึ่งปรากฏหมายเลขบัญชีที่ได้เปิดไว้ใช้ในการก่อเหตุกว่าหลายบัญชี และสลิปการโอนเงินต่อไปยังผู้ร่วมขบวนการ จึงได้ยึดไว้เป็นของกลาง

ตามหมายจับศาลศาลอาญาที่ 1094/2566 ลงวันที่ 7 เม.ย.2566 กระทำความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าข้อมูลสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน

ก่อนหน้านี้มีหญิงคนหนึ่ง แจ้งกับเจ้าหน้าที่ ศปอส.ตร. (PCT) ชุดที่ 5 ว่า ถูกมิจฉาชีพรายหนึ่งหลอกลวงขายกระเป๋าแบรนด์เนมยี่ห้อ CELINE มือสอง ในราคา 57,000 บาท ต่อมาเมื่อสินค้าส่งมาถึงกลับเป็นครีมกันแดด โลชั่นทาผิว และขนมบูด (หมดอายุ) จำนวน 3 กล่อง ซึ่งเมื่อผู้เสียหายติดต่อกลับไปหามิจฉาชีพรายนี้จะอ้างว่า “ส่งผิด เดี๋ยวจะส่งให้ใหม่” และท้ายสุดก็จะบ่ายเบี่ยงและไม่สามารถติดต่อได้อีก

ต่อมาเจ้าหน้าที่ ศปอส.ตร. (PCT) ชุดที่ 5 และสืบนครบาลได้สืบสวนสอบสวนจนทราบข้อมูลว่า มิจฉาชีพคนนี้ก่อเหตุลักษณะนี้ในห้วง 30 มี.ค.-5 เม.ย. 66 มาแล้วไม่ต่ำกว่า 6 ครั้ง ซึ่งทุกคนจะสั่งซื้อกระเป๋า แต่จะได้รับสิ่งของเช่นเดียวกับหญิงรายดังกล่าว ซึ่งทีมนักวิเคราะห์แผนประทุษกรรมของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัส ผบ.ตร. ได้วิเคราะห์แผนประทุษกรรมโดยละเอียดแล้วพบว่า มิจฉาชีพคนนี้ไม่ธรรมดา

เมื่อมิจฉาชีพได้รับเงินโอนจากผู้เสียหายแล้ว จะสั่งซื้อของออนไลน์จากร้านค้าอื่น ๆ ในพื้นที่ภาคเหนือให้ส่งสินค้า ซึ่งไม่ใช่กระเป๋าแบรนด์เนมไปให้กับผู้เสียหาย เพื่อเบี่ยงประเด็นให้เข้าใจว่ามิจฉาชีพอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ และสาเหตุส่งของซึ่งไม่ใช่กระเป๋าแบรนด์เนมไปให้ผู้เสียหาย เพื่ออ้างว่าเป็นการ “ส่งผิดที่ ส่งสลับกับลูกค้ารายอื่น ๆ” ไม่ได้เป็นการฉ้อโกง ถือว่ามิจฉาชีพคนนี้มีการวางแผน กำหนดรูปแบบมาเพื่อก่อเหตุเป็นอย่างดี

ในชั้นจับกุม น.ส.พรณภา ให้การอ้างว่า “ตนเองว่างงานไม่มีรายได้ เพื่อหาเงินให้ลูกไปเข้าโรงเรียน จึงคิดอยากจะหารายได้เสริมและได้มีเฟซบุ๊กชื่อว่า ItsmeCatuii ได้ส่งข้อความมาหาฯ โดยแจ้งว่า "รับสมัคร แอดมิน เลขา ขอคนมีเวลาตอบไลน์เร็ว รายได้ 1,000-1,500 บาทต่อวัน รายเดือน 25,000-30,000 บาทต่อเดือน ไม่มีค่าสมัคร ถูกกฎหมาย 100% โดยบอกขั้นตอนการทำงาน คือ 1.รับโอนเงินจากลูกหนี้ 2.ถ่ายรูปเวลาไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม 3.กดถ่ายรูปเสร็จให้นำเงินที่ถ่ายรูป ฝากให้ลูกหนี้ที่จะกู้เงินอีกที โดยใช้ตู้ฝากเงิน 4.ทำรีวิวแชทถือเงินสด งานไม่ผิดกฎหมาย ไม่เสียค่าสมัคร โดยตนได้เริ่มทำงานกับผู้ใช้บัญชีไลน์คนดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 30 มี.ค.2566 จนถึงวันที่ 5 เม.ย.2566 จำนวนประมาณ 10 ครั้ง โดยจะได้รับค่าตอบแทนในการทำงานแต่ละครั้ง เป็นเงินจำนวน 500-1,000 บาท และได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินจำนวนทั้งหมดประมาณ 6,000 บาท อีกทั้งรู้สึกเสียใจมากเพราะบทลงโทษได้ไม่คุ้มเสีย และยังถูกผู้ร่วมขบวนการเอาบัตรประชาชนของตนไปปลอมแปลงและวางไว้บนสินค้าเพื่อขายในโลกออนไลน์

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง