"กีรติ"พิธีกรดัง เล่าประสบการณ์เฉียดตาย หัวใจหยุดเต้น 19 นาที

Logo Thai PBS
"กีรติ"พิธีกรดัง เล่าประสบการณ์เฉียดตาย หัวใจหยุดเต้น 19 นาที
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
"กีรติ ศุภดิเรกกุล" พิธีกรดัง เล่าประสบการณ์เฉียดตายเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้น 19 นาที โชคดีถึงโรงพยาบาลทันช่วยกลับมาฟื้นได้ พบมีลิ่มเลือดอุดตันทำให้เกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน แนะปรับพฤติกรรมใหม่อย่าโหมงาน กินข้าวตรงเวลา หาความสุขให้ตัวเอง

วันนี้ (1 พ.ค.2566) นายกีรติ ศุภดิเรกกุล พิธีกรชื่อดังของไนน์เอนเตอร์เทน เล่าประสบการณ์เฉียดตายผ่านทางเฟซบุ๊ก Kee22kee เล่าถึงประสบการณ์เฉียดตายจากโรคที่มาแบบไม่ทันตั้งตัว หลังจากหัวใจหยุดเต้น 19 นาที 

โดยกีรติ ระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นช่วงกลางดึกคืนวันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมา มีอาการแน่นหน้าอก เจ็บแปลบ ไม่สามารถควมคุบการทรงตัวของตัวเองได้แล้วตัว ก็เอียงไปพิงกับผนังกระจกข้างห้องน้ำ ค้างอยู่ท่านั้นประมาณ 1 นาที จนสุดท้ายสามารถฮึบกลับมาทรงตัวได้ รีบเรียกรถให้ไปส่งที่โรงพยาบาล 

เมื่อหลังจากที่รู้สึกตัวอีกที จำได้ว่ามีพยาบาลอยู่รอบเตียง มีท่อช่วยหายใจสอดไว้ มีสายติดตามตัวเต็มไปหมด แล้วก็รู้สึกเจ็บบริเวณซี่โครง พยาบาลถามว่าจำได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนนั้น ความทรงจำที่พาตัวเองมาโรงพยาบาลไม่มีเลย

พยาบาลบอกว่า เกิด cardiac arrest ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน คือหัวใจทำงานผิดปกติจนหยุดเต้น ปั้มหัวใจไป 4 ครั้ง ช๊อตไฟฟ้าไป 8 ครั้ง รวมทั้งหมดที่หัวใจหยุดเต้น 19 นาที

พยาบาลบอกว่า ดีที่เหตุเกิดที่โรงพยาบาล เลยมีเครื่องมือช่วยไว้ได้ทัน บางเคสกลับมาก็เป็นเจ้าชายนิทรา กลับมาขยับได้ขนาดนี้ คือถือว่าโชคดีมากมาก สาเหตุตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร จนหมอฉีดสีแล้วพบว่ามีลิ่มเลือดไปอุดตันที่หัวใจห้องขวาล่าง เลยทำการดูดลิ่มเลือดออก ซึ่งเส้นเลือดหัวใจคุณหมอบอกว่าปกติดี แค่มีลิ่มเลือดไปอุดตัน ก็ต้องฉีดยาสลายลิ่มเลือด จนกว่าจะออกจาก โรงพยาบาลแล้วก็ต้องไป follow อีกครั้ง 2 อาทิตย์

อย่างไรก็ตาม กีรติ ระบุว่า สาเหตุของลิ่มเลือดครั้งนี้ ก็ยังไม่แน่ชัดว่ามาได้ยังไง เพราะปกติก็ออกกำลังกาย อาจจะมีทานของทอดของมันบ้าง แต่หลังจากที่ได้โอกาสในการใช้ชีวิตเป็นครั้งที่ 2 ก็จะปรับพฤติกรรมใหม่ ไม่ทำงานหนักจนเกินไป ทานข้าวให้ตรงเวลา แบ่งเวลาให้ถูก หาความสุขให้ตัวเองบ้าง

เพราะเราไม่รู้หรอกว่าวันไหนจะเป็นวันสุดท้ายของเรา ใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ หวังว่าเรื่องของผมจะช่วยเตือนสติให้ทุกคนใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ไม่ประมาท มีเรื่องอะไรที่อยากบอกคนรอบตัวอย่าเก็บไว้ บอกให้เค้ารู้ตอนที่ยังมีโอกาส อย่ารอจนมันสายไป และก็อย่าลืมตรวจสุขภาพด้วย 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง 

วัยทำงาน 42% "เครียด-อ้วนลงพุง" ขยับร่างกายน้อย-กินด่วน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง