วันนี้ (7 มิ.ย.2568) นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.2568 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบในหลักการร่าง พ.ร.ฎ.ว่าด้วยหลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินสมทบ รวมถึงสิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ของ พ.ร.บ.ประกันสังคม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของแรงงานนอกระบบที่สมัครใจเข้าระบบ โดยมีสาระสำคัญคือการปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์และผ่อนปรนเงื่อนไขในการเข้าถึงสิทธิให้เหมาะสมกับสภาพจริงของแรงงานอิสระ
ทั้งนี้ มีการปรับปรุงสิทธิหลักสำคัญทั้งหมด 5 ข้อ ดังนี้
1. เพิ่มสิทธิกรณีเจ็บป่วยเล็กน้อย ไม่ต้องนอนโรงพยาบาลก็ได้เงิน
ผู้ประกันตน ม.40 ไม่ว่าจะเลือกทางเลือกใด หากเจ็บป่วยหรือได้รับอันตรายจากอุบัติเหตุในชีวิตประจำวันแต่ไม่ถึงขั้นต้องนอนพักในโรงพยาบาล และไม่มีใบรับรองแพทย์ให้หยุดพัก ก็ยังมีสิทธิได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ครั้งละ 200 บาท สูงสุดไม่เกิน 3 ครั้ง/ปี
นอกจากนี้ หากมีใบรับรองแพทย์ว่าให้หยุดพักเพื่อรักษาตัว ตั้งแต่ 1 วันขึ้นไป ก็จะได้รับเงินวันละ 200 บาท โดยมีข้อกำหนดตามทางเลือก ดังนี้
- ทางเลือกที่ 1 และ 2 ได้รับไม่เกิน 30 วัน/ปี
- ทางเลือกที่ 3 ได้รับไม่เกิน 90 วัน/ปี
การปรับนี้ถือเป็นการตอบโจทย์แรงงานที่มีรายได้รายวัน หรือทำงานอิสระโดยไม่มีวันลาหยุดหรือประกันสุขภาพรองรับ
2. คุ้มครองช่วงโรคระบาด เช่น โควิด-19 แม้ไม่ได้นอนโรงพยาบาล
ในกรณีที่เกิดการระบาดของโรคติดต่อร้ายแรงตามกฎหมาย เช่น กรณีโรคโควิด-19 ผู้ประกันตนที่ถูกเจ้าพนักงานสั่งให้กักตัวหรือแยกตัวตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข จะมีสิทธิได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ แม้จะไม่ได้พักรักษาตัวในโรงพยาบาลก็ตาม นับเป็นการเปิดช่องทางให้แรงงานได้รับความช่วยเหลือในภาวะวิกฤตโดยไม่ต้องรอพิสูจน์ว่า "เจ็บถึงขั้นนอนโรงพยาบาล"
3. ทุพพลภาพรับเงินตลอดชีวิต เพิ่มวงเงินมากขึ้น
ผู้ประกันตนที่ได้รับการวินิจฉัยจากคณะกรรมการแพทย์ว่าเป็นผู้ทุพพลภาพ จะได้รับเงินทดแทนรายเดือนตลอดชีวิต โดยปรับเพิ่มวงเงินให้เหมาะสมกับทางเลือกของผู้ประกันตน จากเดิมที่จ่ายในอัตราคงที่หรือมีเงื่อนไขจำกัดด้านเวลา การปรับใหม่นี้จะทำให้ผู้ทุพพลภาพมีความมั่นคงในชีวิตระยะยาวมากขึ้น ดังนี้
- ทางเลือกที่ 1 และ 2 ได้รับเงิน 1,000-2,000 บาท/เดือน
- ทางเลือกที่ 3 ได้รับเงิน 1,500-3,000 บาท/เดือน
4. กรณีเสียชีวิตก่อนอายุ 60 ปี เงินบำเหน็จตกถึงมือผู้ถูกระบุชื่อได้
เดิมผู้ประกันตน ม.40 ทางเลือกที่ 2 และ 3 หากเสียชีวิตก่อนถึงวัย 60 ปี หรือก่อนเริ่มรับสิทธิชราภาพ เงินบำเหน็จจะตกเป็นของทายาทโดยชอบธรรมเท่านั้น เช่น คู่สมรส บุตร หรือบิดามารดา
แต่ภายใต้กฎใหม่ หากผู้ประกันตนทำหนังสือระบุชื่อบุคคลไว้ว่าเป็นผู้มีสิทธิรับเงินบำเหน็จในกรณีชราภาพ เมื่อเสียชีวิต เงินนั้นจะตกเป็นของบุคคลที่ระบุไว้ได้ทันทีโดยไม่ต้องเป็นทายาทโดยชอบธรรม หากไม่มีการระบุชื่อไว้ ระบบจะยังคงเฉลี่ยจ่ายให้แก่ทายาทตามกฎหมายเหมือนเดิม
5. เพิ่มเงินสงเคราะห์บุตร และขยายอายุเด็กที่มีสิทธิรับเงิน
ผู้ประกันตน ม.40 ที่มีบุตรจะได้รับเงินสงเคราะห์ในอัตราใหม่ ขยายช่วงอายุเด็กที่ได้รับสิทธิเป็น ตั้งแต่เกิดจนถึง 7 ปีบริบูรณ์ (จากเดิมที่ได้แค่อายุ 6 ปี) การปรับนี้ถือเป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของพ่อแม่แรงงานอิสระในการเลี้ยงดูบุตรในช่วงปฐมวัยอย่างชัดเจน คือ
- 300 บาท/คน/เดือน
- คราวละไม่เกิน 2 คน
หลังจาก ครม.เห็นชอบในหลักการแล้ว สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะส่งร่าง พ.ร.ฎ. ไปยังสำนักงานประกันสังคมและคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อตรวจพิจารณาร่างกฎหมาย และเสนอต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อประกาศใช้ต่อไป
อ่านข่าวอื่น :
“รอง มทภ.2” โพสต์กัมพูชาละเมิด MOU43 ไทยประท้วงกว่า 400 ครั้ง
ทร.ปิดด่านบ้านแหลม-บ้านผักกาด จันทบุรี คุมเข้ม นทท.ไทย-กัมพูชา