วันนี้ (13 มิ.ย.2568) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน แถลงข่าวกรณีผลสอบข้อเท็จจริงการซื้อตึก Skyy9 ของสำนักงานประกันสังคม หลังนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย มีข้อสั่งการให้ดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายอย่างเคร่งครัด และขอให้รายงานความคืบหน้าของการดำเนินต่อไปทุกขั้นตอน ให้ได้สรุปโดยเร็วที่สุด โดยคำนึงถึงและรักษาประโยชน์ของราชการเป็นสำคัญ
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า เตรียมตั้งคณะกรรมการสอบวินัยผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดในการจัดซื้อตึก Skyy9 ตั้งแต่ระดับเจ้าหน้าที่ ไปจนถึงปลัดกระทรวงแรงงานในขณะนั้น ซึ่งทำหน้าที่เป็นประธานคณะกรรมการประกันสังคม ซึ่งถึงแม้บางคนจะเกษียณอายุราชการไปแล้ว หรือไม่ได้ดำรงในตำแหน่งเดิมแล้ว ก็จำเป็นต้องเรียกมาสอบสวน
ส่วนการตั้งคณะกรรมการชุดนี้ มีความยากในการหาประธาน ที่จำเป็นต้องอยู่ระดับเดียวกัน หรือสูงกว่า นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงานคนปัจจุบัน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อตึก Skyy9 ด้วย โดยจะพยายามตั้งคณะกรรมการชุดนี้ให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือน มิ.ย.นี้ เพื่อเริ่มสอบวินัยโดยเร็วที่สุด ซึ่งกรรมการชุดนี้จะไม่ซ้ำกับกรรมการชุดสอบข้อเท็จจริง
ตัวผมจะทำให้โปร่งใสที่สุด แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในส่วนนี้ไม่ได้อยู่ในยุคของผม ตัวผมเองไม่ค่อยสบายใจ ถ้าเป็นยุคผม ผมรับผิดชอบ 100%
ส่วนการพักงานนายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ที่เคยดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ในช่วงที่มีการจัดซื้อตึก skyy9 ต้องรอหารือกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล ซึ่งเป็นระดับผู้บังคับบัญชา และคณะกรรมการสอบอีกครั้ง หากพบว่ามีความเกี่ยวข้อง ก็จำเป็นต้องกันออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแทรกแซง
ก่อนหน้านี้ ตนเองยังไม่ได้มีการพูดคุยกับปลัดกระทรวงแรงงานเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะต้องวางตัวเป็นกลาง และให้คณะกรรมการสอบวินัย เป็นผู้ดำเนินการสอบสวน
ผมก็ยังไม่ทราบว่ากรณีอย่างนี้จะพันไปถึงจุดไหน จะยุ่งไปถึงคนภายนอกหรือไม่ เพราะมีเรื่องของบริษัทที่เป็นผู้บริหารที่เป็นบุคคลภายนอก ซึ่งต้องไปสืบสวนเขาด้วย
ส่วนราคาการซื้อตึกแพงเกินไปหรือไม่ ตามที่ น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม.พรรคประชาชน เคยออกมาเปิดเผยก่อนหน้านี้ นายพิพัฒน์ เปิดเผยว่า จะไม่ใช้ความรู้สึกตนเองมาชี้นำ เพราะอาจกระทบกับคณะกรรมการที่จะตั้งขึ้นมา โดยยืนยันจะไม่เข้าไปแทรกแซงกระบวนการสอบวินัย
ขณะที่มุมมองที่ว่าปมตึก Skyy9 จะเป็นเกมการเมืองหรือไม่ นายพิพัฒน์ มองว่า ไม่เกี่ยวข้อง ไม่อยากให้เอาเหตุการณ์การเมืองในอดีตมาเชื่อมโยงเหตุการณ์ปัจจุบัน โดยตนเองมีหน้าที่อย่างเดียว คือ การปฏิบัติตามข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรี ส่วนจะมีการเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานในช่วงที่มีการซื้อตึกมาสอบร่วมหรือไม่ นายพิพัฒน์ เปิดเผยว่า ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงจะตัดสินใจเชิญหรือไม่
เลขาในขณะนั้น คงไม่ได้ทำเองทุกเรื่อง น้อง ๆ ที่เป็นคนชงเรื่อง ก็ต้องทำตามลำดับชั้นขึ้นมา หลังจากเสร็จไปแล้ว จะตัดสินใจโดยใครก็เป็นเรื่องของกฎเกณฑ์ประกันสังคม ขณะนี้ต้องสอบเรื่องของวินัย ก็คือทุจริตนั้นแหละ แต่อาจจะทุจริต ไม่ทุจริตก็ได้
สำหรับการสอบวินัยครั้งนี้ นายพิพัฒน์ เปิดเผยว่า จำเป็นต้องใช้เวลานานกว่าการสอบข้อเท็จจริง เนื่องจากมีคนจำนวนมากที่ต้องเข้าสู่กระบวนการสอบสวน และจะต้องมีการลงโทษตามวินัยต่อไป