วันนี้ (14 มิ.ย.68) นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองการปรับ ครม. โดยเฉพาะกรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ออกมาพูดว่าหากพ้นจากตำแหน่ง มท.1 ก็พร้อมที่จะไปเป็นฝ่ายค้าน ซึ่งเป็นเสียงหนึ่งที่สะท้อนให้ได้เห็น ว่ามีเรื่องเกี่ยวกับการพูดคุยภายในพรรครวมรัฐบาลหรือไม่ หากเกิดการปรับเปลี่ยน ครม. ไม่ลงตัว อาจจะเกิดการแยกตัวออกมา รวมถึงพรรครวมไทยสร้างชาติในปัจจุบัน ว่า สส. มีการแบ่งกลุ่ม และมีภาพความแตกแยกภายในพรรคเอง

นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม
นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม
ส่วนพรรคพลังประชารัฐแม้จะอยู่ รัฐบาลก่อนหน้านี้ แต่ก็มีความเปลี่ยนแปลง แบ่งออกไปเป็นพรรคกล้าธรรม สะท้อนให้เห็นว่าการเมืองของพรรคร่วมรัฐบาลยังไม่นิ่ง ยังมีกระแสต่างๆที่เกิดความเปลี่ยนแปลงได้
พร้อมกล่าวถึงการให้สัมภาษณ์ของแอนดรอยด์อนุทินจะทำให้เกิดการเปลี่ยนคู่แข่งทางการเมืองหรือไม่ว่า พรรคภูมิใจไทย 69 เสียง เกิดความสังเคราะห์เสถียรภาพของรัฐบาลในขณะนี้ หาก 69 เสียง กระโดกมาอยู่ฝ่ายค้าน ซึ่งขณะนี้ฝ่ายค้านมี 160 กว่าเสียง และรวมพรรคภูมิใจไทยอีก 60 กว่าเสียงก็เกือบถึงกึ่งหนึ่งของสภาฯ
หากเป็นจริง ผมว่าเสถียรภาพของรัฐบาลอยู่ลำบาก แต่ก็อยู่ที่การพูดคุยของพรรคร่วมฝ่ายรัฐบาล ซึ่งทางฝ่ายค้านเองหากมีเสียงเพิ่มขึ้นมาก็พร้อมเปิดรับอยู่แล้ว เพราะฝ่ายค้านเราไม่สามารถบอกได้ว่าจะเลือกรับใครเข้ามา หากใครไม่สามารถร่วมรัฐบาลได้ ก็เข้ามาอยู่ฝ่ายค้าน ผมว่าเสถียรภาพของรัฐบาลในปัจจุบันมีทั้งเรื่องการเมืองภายในประเทศการเมืองนอกประเทศ โดยเฉพาะการเมืองระหว่างประเทศ บีบรัฐบาลชุดนี้จะต้องแสดงจดยืนบางอย่างเกิดขึ้น การสร้างเสถียรภาพ การตกลงใน ครม. เกี่ยวกับการจัดสรรกระทรวงจำเป็นจะต้องมีการพูดคุยกัน
สส. พรรคเป็นธรรมกล่าวต่อว่า บริบททางการเมือง สถานะของพรรครวมรัฐบาลไปต่อยาวลำบาก เพราะปัญหาระหว่างพรรคการเมือง และภายในพรรคการเมือง มีการพูดคุยหารือค่อนข้างรุนแรง เห็นชัดเจนถึงเสียงสะท้อนถึงความแตกแยกภายในพรรคการเมือง หากจะวิเคราะห์และประเมินการเมืองจะเห็นว่าเสถียรภาพเหมือนกับตอนที่ตั้งรัฐบาลพรรครวมรัฐบาล ตอนนี้เสถียรภาพเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง
หากให้ตีประเมินถึง70 ถึงไหม ผมว่าไม่ครบเทอม มันจำเป็น ต้องมีก่อนหน้าอาจจะเป็นพฤษภาคมหรือเมษา 2570 คาดว่าน่าจะก่อนหน้านั้น นายกัณวีร์กล่าว
นายกัณวีร์ ยังกล่าวถึงปัญหา ข้อพิพาทระหว่างไทยและกัมพูชา ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลชินวัตรและฮุนเซน จะช่วยให้คลี่คลายได้หรือไม่ว่า ว่าเป็นไปได้ยาก เพราะปัจจุบัน สถานการณ์เหนือกว่าความสัมพันธ์ส่วนตัว เป็นเรื่องเกี่ยวกับเขตแดน เป็นเรื่องของความรู้สึกของคนในชาติทั้งสองฝั่ง เป็นการใช้ความสัมพันธ์โครงสร้างแบบทางการในการแก้ไขปัญหา
ซึ่งการประชุม JBC ในวันนี้ยังไม่ทราบผลว่าจะเป็นอย่างไร ดังนั้นการใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวคงเป็นไปไม่ได้ แต่จะทำอย่างไรให้การเจรจาทวิภาคีเดินหน้าต่อไปได้ จะต้องมีการหารือหลังจากนี้ และเดินหน้าในเวทีระหว่างประเทศ
อ่านข่าว:
มทภ. 2 ย้ำไม่ขึ้นศาลโลก ลั่นอยู่แผ่นดินนี้มานาน ถ้าจะมาเอา ก็ดวลกัน
"ภูมิธรรม" เชื่อเปิด-ปิดด่านไทย-กัมพูชาได้ตามปกติ หลังประชุม JBC
หลุมพรางกัมพูชา “ฮุน เซน” เหลี่ยมจัด ดึง “ไทย” ขึ้นสู่ศาลโลก