วันนี้ (16 ก.ค.2568) กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ออกหนังสือด่วนถึงสำนักงานจัดหางานทุกจังหวัดและผู้รับอนุญาตจัดหางานเพื่อไปทำงานต่างประเทศ เรื่องการยกเลิกชะลอการส่งแรงงานไทยไปทำงานในอิสราเอลทุกช่องทาง หลังได้รับการประสานจากฝ่ายแรงงานประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ว่ากองบัญชาการส่วนหน้าของอิสราเอลยืนยันทุกพื้นที่ในประเทศเป็น "พื้นที่สีเขียว" ซึ่งปลอดภัย และอนุญาตให้สถานประกอบการดำเนินกิจการตามปกติ รวมถึงประชาชนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ
หลังเหตุการณ์สู้รบระหว่างอิสราเอลและอิหร่านเมื่อต้นปี 2568 ที่ทำให้กระทรวงแรงงานชะลอการส่งแรงงานตั้งแต่เดือน มิ.ย. ส่งผลให้มีแรงงานที่เตรียมเดินทางตกค้างราว 2,000 คน
นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า การตัดสินใจกลับมาส่งแรงงานไทยไปทำงานในอิสราเอลเกิดจากคำยืนยันด้านความปลอดภัยจากทางการอิสราเอล และคำร้องจากทั้งแรงงานที่กลับมาพักผ่อนและแรงงานที่รอเดินทาง รวมถึงภาคเอกชนที่ได้รับผลกระทบจากการชะลอส่งแรงงาน
โดยปัจจุบันมีแรงงานไทยทำงานในอิสราเอลทั้งสิ้น 39,500 คน ซึ่งยังคงเชื่อมั่นและไม่มีความประสงค์ขอเดินทางกลับประเทศไทย แม้ในช่วงสู้รบที่ผ่านมามีแรงงานไทยเดินทางกลับเพียง 50 คนเท่านั้น กรมการจัดหางานตั้งเป้าส่งแรงงานไทยไปทำงานที่อิสราเอลต่อเนื่อง เดือนละประมาณ 1,200 คน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามนโยบายของนายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.แรงงาน ที่มุ่งเพิ่มจำนวนแรงงานไทยในต่างประเทศเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ การส่งแรงงานไทยไปทำงานในอิสราเอลครั้งนี้กำหนดให้แรงงานรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการเดินทางด้วยตนเอง ส่วนผู้ประกอบการจัดส่งแรงงานต้องออกหนังสือรับรองว่าหากเกิดเหตุสู้รบในอิสราเอลอีกครั้ง จะต้องดูแลความปลอดภัยและรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการนำแรงงานกลับประเทศไทย เพื่อให้มั่นใจว่าแรงงานจะได้รับการคุ้มครองอย่างเต็มที่
กระทรวงแรงงานย้ำว่าการตัดสินใจครั้งนี้เป็นไปเพื่อเปิดโอกาสให้แรงงานไทยเข้าถึงงานที่มีรายได้สูง โดยเฉลี่ย 60,000 บาท/เดือน ตามโครงการความร่วมมือไทย-อิสราเอลเพื่อการจัดหางาน (TIC) พร้อมเน้นย้ำถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ
อ่านข่าวอื่น :
เหตุการณ์ที่ปราสาท “ตาเมือนธม” แรงยั่วยุที่ฝ่ายไทยต้องอดกลั้น
ปิดตำนานนักวิ่งแก่สุดในโลก "เฟาจา ซิงห์" 114 ปี ถูกรถชนดับในอินเดีย