วันนี้ (18 ต.ค.2568) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคฯ อีกสมัย ในการประชุมใหญ่วิสามัญพรรคประชาธิปัตย์ ครั้งที่ 1 ประจำปี 2568 โดยระบุว่า ขอบคุณทุกคนที่ให้ความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคฯ อีกวาระหนึ่ง
พร้อมระบุว่า ประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองเดียวที่มีการะบวนการเลือกตั้งในลักษณะนี้ ทำให้คนที่ได้รับเลือกมาเป็นหัวหน้าพรรคสำนึกอยู่เสมอว่า การจะเข้ามาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคได้ต้องได้รับความยินยอมจากสมาชิกทั่วประเทศ และถือเป็นการยืนยันว่าประเทศไทยยังมีพรรคการเมืองที่มีความเป็นประชาธิปไตยในพรรค
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวของคุณนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่แม้จะไม่ได้อยู่ในที่ประชุมวันนี้ (18 ต.ค.) ว่า ไม่ว่าตนกับนายเฉลิมชัย จะมองหรือคิดต่างกันบางเรื่อง บางครั้งบางคราว แต่ตนไม่เคยตั้งคำถามในเรื่องความทุ่มเทของนายเฉลิมชัยที่มีให้กับสมาชิกพรรค
นอกจากนี้ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้ยกข้อความ "สจฺจํ เว อมตา วาจา" ที่ปรากฏอยู่บนสัญลักษณ์ของพรรค พร้อมระบุว่าความจริงเป็นสิ่งไม่ตายและกาลเวลาพิสูจน์ความจริงอยู่เสมอ ซึ่งก่อนหน้านี้ตนเคยพูดก่อนจะลาออกจากพรรคว่า ตนไม่มีพรรคอื่น ไม่ไปพรรคอื่น กรีดเลือดออกมาก็เป็นสีฟ้าจนตาย และจะเอาอุดมการณ์ประชาธิปัตย์รับใช้ประชาชนและประเทศชาติตลอดไปไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน
"ผมพูดตั้งแต่อายุ 27 ว่ายึดถือพรรคการเมืองในระบบพรรคการเมือง ชีวิตนี้จะมีพรรคการเมืองเดียว 30 ปีกว่าๆ เป็นอย่างไร วันนี้ยังยืนยันอย่างนั้น"
ในยุคนี้ที่นักการเมืองอย่าว่าแต่ 30 ปี 3 ชั่วโมงก็เปลี่ยนคำพูดแล้ว ผมเป็นลูกพระแม่ธรณี จะยึดถือสัจจะและความซื่อสัตย์เป็นที่ตั้ง
ช่วงหนึ่ง นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงภาวะศรษฐกิจของประเทศว่าติดหล่มมานานกว่า 10 ปี ขณะที่รัฐบาลมีโครงการ "คนละครึ่ง พลัส" ซึ่งอาจช่วยเหลือประชาชนได้ในยามลำบาก แต่ 3-4 เดือนหลังจากนี้สิ่งที่ทิ้งไว้คือหนี้ของรัฐบาลที่เพิ่มขึ้น
อีกทั้งการเก็บภาษียังได้ไม่ถึง 15% ของจีดีพี รวมถึงมีการผูกขาดทางเศรษฐกิจและผูกขาดอำนาจทางการเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมไม่สามารถแข่งขันได้ ส่วนภาคการท่องเที่ยวก็ได้รับความเดือดร้อนจากนักท่องเที่ยวลดลง จึงไม่สามารถนิ่งดูดายได้ เพราะการเมืองไทยคือสิ่งที่ฉุดรั้งไม่ให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้า
ขณะที่ตนนำคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงาน เพราะสิ่งที่ประเทศไทยต้องการที่สุดคือเครื่องจักรที่ทำให้ประเทศโตได้ แต่ทั้งหมดนี้ต้องเปิดประตูทางการเมือง แข่งขันด้วยการนำเสนอความคิดและวิสัยทัศน์ จึงได้ตั้งโจทย์การทำงานร่วมกับทีมงานชุดใหม่
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวถึงกรณีการดูด สส. ว่า ใครที่กำลังจะมาทุบประชาธิปัตย์ เหมือนกำลังทุบแก้วให้แตก พร้อมประกาศเอาความคมของแก้วที่แตกตัดวงจรอุบาทว์ซื้อเสียง
หากทุบแตกแล้ว ผมจะเอาความคมของแก้วที่แตกตัดวงจรอุบาทว์การซื้อเสียงและการคอร์รัปชันในประเทศไทย
อ่านข่าว
คะแนนท่วมท้น "อภิสิทธิ์" หวนนั่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
"อภิสิทธิ์" ตอบสื่อ "ใจไม่เคยไปไหน" คนแห่ให้กำลังใจชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ปชป.