วันนี้ (12 พ.ย.2568) ในช่วงเวลานี้ กระแสวิพากษ์วิจารณ์ต่ออินฟลูเอนเซอร์ในประเทศไทยกำลังเป็นที่สนใจอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะกรณีล่าสุดที่ พญ.มุกดาภิวัฒน์ หาญเมฆินทร์ หรือ "หมอมุก" ออกคลิปชี้แจงดรามาการทดลองสวมชุด POEM ซึ่งมียอดผู้ชมหลายล้านครั้ง สะท้อนถึงอิทธิพลของบุคคลเหล่านี้ในการเข้าถึงมวลชน ก่อนหน้านี้ ประเด็นในรายการ "Woody The Friend" หรือ "Woody อเวนเจอร์" ที่เชิญอินฟลูเอนเซอร์มาให้ความรู้เรื่องนมวัวในไทย สร้างความตื่นตระหนกแก่ผู้บริโภค จนต้องออกมาขอโทษและผลิตคลิปใหม่เพื่อแก้ไขข้อมูล
สภาผู้บริโภคได้ชื่นชมการดำเนินการครั้งนี้ เนื่องจากไม่ใช่เพียงการขออภัย แต่เป็นการปรับปรุงข้อมูลให้ถูกต้องอย่างรวดเร็ว
แม้จะมีตัวอย่างการแก้ไขเช่นนี้ แต่คำถามสำคัญคือ สังคมไทยมีกฎเกณฑ์ป้องกันความผิดพลาดของอินฟลูเอนเซอร์มากกว่านี้หรือไม่ ปัจจุบัน ประเทศไทยมีกฎหมายกลางที่ดูแลข้อมูลปลอมหรือโฆษณาเท็จ เช่น
- พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ.2522 ซึ่งกำหนดโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท
- พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 โทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท
- พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 ซึ่งครอบคลุมการนำเข้าข้อมูลเท็จที่อาจก่อความเสียหายแก่ประชาชน โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติ การบังคับใช้กฎหมายเหล่านี้กับอินฟลูเอนเซอร์ยังมีข้อจำกัด โดยมักจบลงด้วยการขอโทษ หากไม่มีผู้เสียหายจำนวนมากหรือการฟ้องร้องตามมา กรณีรายการ Woody ถูกตั้งข้อสังเกตว่าอาจเข้าข่ายกฎหมายคอมพิวเตอร์ เนื่องจากทำให้ประชาชนตื่นตระหนกเรื่องการดื่มนมวัว
ไม่ใช่ครั้งแรกที่อินฟลูเอนเซอร์ถูกตั้งคำถามถึงความรับผิดชอบในการผลิตเนื้อหา โดยเฉพาะเมื่อข้อมูลที่ให้ส่งผลกระทบต่อสังคม เช่น การด้อยค่าผลิตภัณฑ์นมวัวที่อาจกระทบอุตสาหกรรมการเลี้ยงโคในไทย หรือรีวิวสินค้าที่ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์
คดีตัวอย่างที่ชัดเจนคือ กรณีสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และตำรวจร่วมกันฟ้องร้องดาราและอินฟลูเอนเซอร์ 13 คน จากการรีวิวอาหารเสริมที่ไม่มีเลขที่ อย. ซึ่งนำไปสู่โทษปรับและจำคุก เนื่องจากพิจารณาว่าบุคคลเหล่านี้ต้องรับผิดชอบต่อสังคมที่เชื่อถือและซื้อสินค้าตามคำแนะนำ
ตัวเลขจากงานวิจัย "Futures of Content Creators in Thailand 2035" ชี้ให้เห็นถึงพลังของอาชีพนี้ โดยอินฟลูเอนเซอร์กว่า 9,000,000 คน สร้างรายได้ให้คนไทยและมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 45,000 ล้านบาท/ปี แต่ในขณะเดียวกัน พฤติกรรมที่ผิดพลาดก็ก่อให้เกิดความเสียหายไม่น้อย เช่น การซื้อสินค้าปลอมหรือข้อมูลผิดที่นำไปสู่การตัดสินใจที่ไม่เหมาะสม
เพื่อแก้ไขช่องว่างดังกล่าว สภาองค์กรของผู้บริโภคกำลังผลักดันระเบียบจริยธรรมสำหรับอินฟลูเอนเซอร์ คล้ายกับสภาวิชาชีพอื่น ๆ ที่มีบทลงโทษชัดเจน เช่น การเพิกถอนใบประกอบวิชาชีพหรือปรับเงิน โดยไม่ต้องรอผู้เสียหายฟ้องร้อง
นอกจากนี้ ควรนิยาม "อินฟลูเอนเซอร์" ให้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นผู้ขายสินค้าหรือให้ความรู้ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญ แต่ต้องรับผิดชอบต่อผลกระทบจากคำพูดที่เผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย ซึ่งมีผู้ติดตามจำนวนมากและสร้างความน่าเชื่อถือ การกำกับดูแลดังกล่าวจะช่วยให้อุตสาหกรรมคอนเทนต์ครีเอเตอร์เติบโตอย่างยั่งยืน โดยสมดุลระหว่างโอกาสทางเศรษฐกิจและการคุ้มครองผู้บริโภค
อ่านข่าวอื่น :
"คอเลสเตอรอลสูง" เมื่อโรคหัวใจเริ่มต้นก่อนวัย ทางรอดอาจอยู่ใน "ยีน"











