ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

เร่ง “กลุ่มเปราะบาง” อพยพไปที่ปลอดภัย หวั่นสถานการณ์รุนแรง เผย 7 จว.ตายแล้ว 33 คน

ภัยพิบัติ
15:50
61
เร่ง “กลุ่มเปราะบาง” อพยพไปที่ปลอดภัย หวั่นสถานการณ์รุนแรง เผย 7 จว.ตายแล้ว 33 คน
“โฆษก ศป.กฉ.” ระบุน้ำท่วมใต้ 7 จังหวัด เสียชีวิตแล้ว 33 ราย ชี้จังหวัดใกล้เคียงสงขลา แจ้งให้อพยพแล้ว แต่ประชาชนไม่ไป วอนไปอยู่ศูนย์พักพิงก่อน หวั่นสถานการณ์รุนแรง ยันรัฐบาลไม่ได้แก้ปัญหาล่าช้า

วันนี้ (26 พ.ย.2568) นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัย (ศป.กฉ.) แถลงผลการประชุม ว่า สถานการณ์น้ำภาพรวม ปริมาณน้ำฝน เติมเข้ามาในระบบ มีปริมาณที่ลดลง แนวโน้มของน้ำจึงลดลง และตอนนี้จังหวัดใกล้เคียง จ.สงขลา เริ่มมีการแจ้งเตือนแล้ว เช่น จ.สตูล นครศรีธรรมราช ให้อพยพตั้งแต่เมื่อวาน แต่ยังมีประชาชนจำนวนหนึ่ง ไม่ยอมอพยพ

ทางศูนย์ ศป.กฉ. จึงมีความกังวล ในอนาคตอาจจะเกิดความยากลำบากในการอพยพ จึงได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ดำเนินการสำรวจกลุ่มเปราะบาง และเชิญชวนให้ไปอยู่ศูนย์พักพิง เพื่อป้องกันปัญหาที่เกิดอาจจะเกิดขึ้นในอนาคต

ขณะเดียวกัน วันนี้ศูนย์ปฏิบัติการได้รับทราบจากประชาชนจำนวนมาก ที่มีความต้องการให้การสนับสนุนช่วยเหลือต่อสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ จึงขอประชาสัมพันธ์ ว่า ได้มีการเปิด “ศูนย์ธารน้ำใจช่วยเหลือพี่น้องผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ 2568” ณ พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศดอนเมือง ที่จะอำนวยความสะดวกในทุกมิติ ท่านที่อยู่ในต่างจังหวัด อาจจะมีการบริจาคของในศูนย์จังหวัดนั้น ๆ และจังหวัดจะเป็นผู้ดำเนินการจัดสรรมายังศูนย์นี้

ส่วนผู้ที่อยู่ในกรุงเทพมหานคร ก็สามารถบริจาคได้ในศูนย์นี้เช่นเดียวกัน ส่วนรายละเอียดและเบอร์โทรศัพท์ จะขึ้นในเพจไทยคู่ฟ้า เพื่อไม่ให้การสื่อสารคลาดเคลื่อน

นอกเหนือจากข้าวของเครื่องใช้แล้ว ยังยินดีที่จะรับการสนับสนุนเป็นกำลัง และทรัพยากร เช่น เจ็ตสกี คนขับสปีดโบ๊ท รถลากจุง รถยกสูง และ อุปกรณ์กู้ภัย สิ่งของที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ ซึ่งหากผู้ใดที่จะต้องการได้รับการสนับสนุน ทางศูนย์ จะมีเครื่องบิน C130 ส่งให้ทุกวัน วันละ 5 รอบ

นายสิริพงศ์กล่าวต่อถึงภารกิจของนายกรัฐมนตรี ในการลงพื้นที่วันนี้ ว่า การลงไปของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ เป็นการไปดูอุปสรรคและปัญหาหน้างาน ว่ามีการดำเนินการอย่างไร และมีข้อมูลส่วนไหน ที่สามารถดำเนินการร่วมกันได้ ในเรื่องของการบริหารจัดการเป็นหลัก

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกรัฐมนตรีอยู่ที่นี่และบริหารสถานการณ์อยู่ที่นี่จะดีกว่าหรือไม่ นายสิริพงศ์ กล่าวว่า พื้นที่ตรงนี้มีนายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็น ผอ.ศูนย์ฯ ในการบูรณาการข้อมูลต่าง ๆ ยืนยันนายกฯ ลงไปในพื้นที่ไม่ได้เป็นภาระ ไม่มีการแจ้งให้หน่วยงานไปรับ และไม่มีแม้แต่การให้นักข่าวติดตามไป เป็นการไปแบบคณะเล็ก ที่ต้องการดูถึงข้อจำกัด และอุปสรรคในการทำงานของเจ้าหน้าที่

เมื่อถามว่า ทางศูนย์ฯ มีการประเมินหรือไม่ว่า น้ำจะลดลงภายในกี่วัน นายสิริพงศ์กล่าวว่า จากการคาดการณ์ของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สทนช. หากสถานการณ์เป็นแบบนี้ภายใน 5 วันจะดีขึ้น และคลี่คลายไปได้มากแต่จะมีบางจุด ที่เป็นแอ่งลึกหรือพื้นที่ต่ำ น้ำอาจจะยังลงได้ไม่หมด

ส่วนเหตุยิงขู่เจ้าหน้าที่กู้ภัยที่ได้เข้าช่วยเหลือนั้น นายสิริพงศ์ กล่าวว่า ได้รับทราบรายงานแล้ว คาดว่าเป็นการเรียกแล้วไม่ได้ยิน จึงจำเป็นต้องยิงปืนขึ้นฟ้าก็เป็นไปได้ และแสดงให้เห็นว่า มีความจำเป็นต้องมีศูนย์หน้างาน จะได้มีข้อปฏิบัติ ว่าควรมีแนวทางอย่างไร เช่น ในพื้นที่หาดใหญ่มีบางหน่วยงานได้ใช้เรือหางยาวพยายามเข้าไป แต่ก็คว่ำทุกลำ เพราะสู้กระแสน้ำไม่ได้ จึงจำเป็นต้องมีการมีการพูดคุยกันภายในศูนย์ฯ ก่อน

หรือแม้กระทั่งการใช้ยานพาหนะ เจ็ตสกี เมื่อเป็นเขตชุมชนหรือคนที่อยู่ในตัวบ้านและมีสถานะเป็นสีเขียวไม่ได้ย้ายออกมา ก็จำเป็นต้องต้องใช้ความระมัดระวัง เจ้าหน้าที่ทุกคนรีบหมด แต่ประชาขนที่ติดอยู่ในบ้านก็มีความทุกข์ร้อน ดังนั้นการบริหารสถานการณ์แบบนี้จึงมีความสำคัญ

นายสิริพงศ์ ยังกล่าวถึงสัญญาณในพื้นที่ขาดหาย ทำให้ไม่สามารถติดต่อผู้ประสบเหตุได้ ว่า กสทช.ได้มารายงานให้ทราบแล้วว่า ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปเติมเชื้อเพลิงให้กับเครื่องปั่นไฟได้ แต่ตอนนี้สามารถดำเนินการได้แล้ว ซึ่งวันนี้มีเรือเต็มที่ก็ไม่เกิน 200 ลำ และมีรถเข้าพื้นที่ที่ไม่สามารถเข้าได้ทุกพื้นที่ รวมทั้งเฮลิคอปเตอร์อีก 20 ลำ

การไปอพยพชาวบ้านออกมาทันที ยังไม่สามารถทำได้ แต่การบริหารได้หากเป็นกลุ่มสีแดง ต้องย้ายออกมาให้เร็วที่สุด เพื่อรักษาชีวิต หากเป็นกลุ่มสีเหลืองต้องส่งน้ำและอาหาร หากระดับน้ำลดลงมากกว่านี้ และสามารถจัดส่งอุปกรณ์เข้าไปได้ จะจัดส่งเข้าไปให้เร็วที่สุด

เมื่อถามถึงการช่วยเหลือที่ล่าช้า เป็นเพราะการบริหารจัดการของรัฐที่ล้มเหลวหรือไม่ นายสิริพงศ์ กล่าวว่า มีการช่วยเหลือทั้งแบบในพื้นที่ และแบบออนไลน์ รัฐบาลยังยืนยันว่า ในระดับพื้นที่ มีการแบ่งเขตรับผิดชอบทั้งตำบล และอำเภอในการอพยพผู้คน เพราะอย่างบางจังหวัดที่มีการแจ้งเตือนให้อพยพ แต่ประชาชนกลับไม่อพยพซึ่งการอพยพมาที่ศูนย์อพยพ ยังมีคนตกหล่นอยู่ แต่ยังยืนยันว่าจะตามช่วยเหลือให้ครบทุกคน

ส่วนกรณีที่โรงพยาบาลขาดน้ำมัน ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงในการปั่นไฟนั้น นายสิริพงศ์กล่าวว่า เมื่อวานนี้ศูนย์ได้มีการประสานงาน ให้นำเครื่องปั่นไฟไปติดตั้งทุกโรงพยาบาล ซึ่งปัญหาที่พบเพียงอย่างเดียวคือ เวลาในการส่งอาหารที่ล่าช้าเกินไป ควรจะส่งตั้งแต่เวลา 18.00 น. แต่อาหารไปถึงในเวลา 20.00 น. ซึ่งตอนนี้ผู้ป่วยหนักและผู้ป่วยวิกฤตได้อพยพออกไปหมดแล้ว เหลือเพียงผู้ป่วยที่สามารถดูแลได้ตามสถานการณ์ ซึ่งเป็นการยืนยันจากฝ่ายสาธารณสุข

นายสิริพงศ์ กล่าวอีกว่า เมื่อวานนี้ไฟฟ้ายังคงใช้การได้ตามปกติ แต่มีผู้โพสต์ว่าไฟฟ้าดับ จึงไม่เข้าใจในเจตนาของผู้โพสต์ รวมถึงมีการส่งอาหารเมื่อวานนี้ แต่ก็ยังมีผู้โพสต์ว่า ไม่ได้รับประทานอาหารในโรงพยาบาล เพียงแค่อาหารมาส่งช้าเท่านั้น ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข จะรับไปบริหารจัดการเรื่องคิวไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนี้อีก

เมื่อถามว่า ตอนนี้ได้มีการรวบรวมเคสสีแดงหรือไม่ว่า มีจำนวนเท่าไหร่ นายสิริพงศ์ กล่าวว่า จะไปรวบรวมและส่งให้อีกครั้งหนึ่ง

ขณะที่ตัวเลขบุคคลสูญหายจากเหตุอุทกภัย นายสิริพงศ์กล่าวว่า การติดต่อไม่ได้อาจมีหลายสาเหตุ บางคนอาจแบตหมด แต่การสูญหายในลักษณะนั้นไม่สามารถยืนยันได้ เพราะการติดต่อไม่ได้มีหลายเคส ซึ่งตัวเลขที่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการแล้วมีเพียง 1 รายที่ จ.สตูล

ส่วนที่ฝ่ายค้านเสนอให้รัฐบาลใช้แพลตฟอร์มจิตอาสาแคร์ นายสิริพงศ์กล่าวว่า ได้มีการใช้ตั้งแต่วันก่อนแล้ว ยังรวมไปถึงหาดใหญ่ flood และช่องทางอื่นรวมอยู่ด้วย และใช้ AI ในการคัดกรองข้อมูลเพื่อแบ่งสี

เมื่อถามย้ำว่า จนถึงวันนี้เหตุใดรัฐบาล จึงไม่ยอมรับว่า บริหารสถานการณ์น้ำท่วมล่าช้า ทั้งที่ประชาชนสะท้อนว่า มีความล่าช้า โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังคงยืนยันว่า รัฐบาลไม่ได้ช้า เพราะเราทำทั้งในพื้นที่และออนไลน์

ยกตัวอย่างพื้นที่ จ.สตูล วานนี้ ที่มีการแจ้งเตือนให้ประชาชนอพยพ แต่ได้รับ Feedback จากประชาชน คือไม่ยอมอพยพ แบบนี้เรียกว่ารัฐบาลช้าหรือไม่

พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลมีข้อมูลพร้อมในการแจ้งเตือนประชาชน แต่ประชาชนก็ไม่ยอมอพยพ ซึ่งตัวอย่างก็มีให้เห็น เช่น กรณีที่ชายแดนไทยกัมพูชาที่มีระเบิดลง มีทั้งคนอพยพและไม่อพยพออกจากพื้นที่ เพราะเขาประเมินจากหน่วยงานในพื้นที่ ทั้ง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต.ว่า เป็นสีเขียว

แต่เมื่อเวลาผ่านไป รู้สึกว่าไม่ปลอดภัยก็กลายเป็นช้า จึงยืนยันมาตลอดว่า ไม่ได้ช้า ทำงานตามขั้นตอนตามระบบทั้งหมด ความช่วยเหลือ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นมาทุกคนต้องการความช่วยเหลือกันพร้อมกันทั้งหมด

เมื่อถามต่อว่า สาเหตุที่ประชาชนบางส่วนไม่ยอมอพยพ เพราะไม่ทราบข้อมูลเรื่องศูนย์อพยพหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ประชาชนส่วนใหญ่อพยพไปรวมกันอยู่ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) โดยไม่กระจายไปยังจุดอื่น

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เข้าใจ แต่ที่ผ่านมา มีการแจ้งชัดเจนว่า ศูนย์อพยพอยู่ตรงไหน อย่างที่บอกว่า การทำข้อมูลพื้นที่ทางผู้นำชุมชนจะทราบ เพราะได้รับคำสั่งมาจากจังหวัดว่าให้อพยพประชาชนไปที่ไหน แต่พอเวลาสื่อสารไปอาจจะไม่เข้าใจ และไม่สนใจก็มี แต่วันนี้ได้กำชับ เพราะน้ำกำลังจะไหลไปจังหวัดอื่น อันดับแรกจะต้องจ้างศูนย์อพยพให้ชัดเจน เพื่อป้องกันปัญหาลักษณะนี้

เมื่อถามว่า ยืนยันหรือไม่ว่า รัฐบาลไม่ได้บริหารผิดพลาดหรือล่าช้ากับวิกฤตที่เกิดขึ้น โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า น้ำมาเร็วมาก จนตนเชื่อว่าทุกคนก็คาดไม่ถึง เรามีเครื่องมือที่พร้อมมาก ๆ แต่เรื่องนี้เกิดจากปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้

อ่านข่าว : ผู้ประสบภัยหาดใหญ่ขาดน้ำ-ขาดอาหาร หมอเตือนเร่งช่วยก่อนสูญเสียเพิ่ม

นาทีชีวิต ฮ.เคลื่อนย้ายผู้ป่วยวิกฤต ส่ง รพ.สงขลานครินทร์

ปภ.เผยน้ำท่วม 9 จังหวัดภาคใต้ กระทบ 986,018 ครัวเรือน เสียชีวิต 18 คน