ระหว่างช่วง “บิ๊ก คลีนนิ่ง” ทำความสะอาดเมืองหาดใหญ่ กับการฟื้นฟูเมืองและระบบเศรษฐกิจ หลังผ่านวิกฤติอุทกภัยครั้งใหญ่ ยังถือเป็นช่วงลุ้นระทึกสำหรับคนที่เกี่ยวข้อง ในส่วนราชการด้วย เพราะเรื่องใหญ่ขนาดนี้ จะปล่อยให้จบลงง่าย ๆ ไม่ได้
ท่ามกลางอารมณ์ความรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก ของผู้คนได้รับผลกระทบ ทั้งบ้านเรือน ทรัพย์สิน ร้านค้า รวมทั้งการบาดเจ็บ เสียขวัญ กระทั่งญาติมิตรล้มตายจำนวนไม่น้อย
เห็นได้ชัดจากเสียงวิจารณ์ทั้งผ่านสื่อหลักและออนไลน์ รวมถึงคอมเมนต์ วิจารณ์อย่างเผ็ดร้อนในโลกโซเชียล หรือแม้แต่โวยใส่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ที่ลงไปเยี่ยมเยียนให้กำลังใจผู้ประสบภัยที่ศูนย์พักพิง
มีทั้งขว้างสิ่งของใส่เจ้าหน้าที่ หรือแม้แต่ใช้ปืนยิงใส่นักกู้ภัย
จึงได้เห็นคำสั่งของอธิบดีกรมการปกครอง ให้นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภอหาดใหญ่ ออกจากราชการไว้ก่อน หลังจากก่อนหน้านั้น 1 วัน ได้มีคำสั่งให้ไปช่วยราชการที่วิทยาลัยการปกครอง
ให้เหตุผลทั้งเรื่องการปล่อยปละละเลย ติดต่อไม่ได้ ตั้งแต่ 22 พ.ย. ทั้งที่เป็นภัยร้ายแรงกระทบทุกภาคส่วน และไม่ยอมเข้าร่วมประชุมประจำวัน
ไม่เพียงเท่านั้น ยังอ้างเคยถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดทางอาญา กรณีใช้ อส.สร้างบ้านพักส่วนตัว เมื่อครั้งเป็น นายอำเภอหนองจิก จ.ปัตตานี ทั้งที่ยังเป็นขั้นตอนของป.ป.ช. หาก ยังสามารถต่อสู้แก้ข้อกล่าวหาตามกระบวนการได้
นอกจากนี้ ผู้บังคับการตำรวจจังหวัดสงขลา ยังได้มีคำสั่งให้ พ.ต.อ.ธรรมรัตน์ เพชรหนองชุม ผกก.สภ.หาดใหญ่ ไปช่วยราชการที่ ศปก.ตร.ภ.จว.สงขลา ให้ขาดจากตำแหน่งเดิม เซ่นพิษน้ำท่วมอีกคน
แม้จะมีระบุเหตุผล เรื่องละเลยปฏิบัติหน้าที่ และเพื่อให้การทำงานคล่องตัว แต่ในทางปฏิบัติกลับถูกมองได้ว่า เพื่อลดดีกรีจากกระแสความไม่พอใจของผู้คนที่ได้รับความสูญเสีย และเป็นที่รับรู้หรือพูดกันไปในทางเรื่อง หา “แพะรับบาป”
เพราะเป็นทราบกันดีว่า เป็นมหาอุทกภัยที่เกิดในวงกว้าง ครอบคลุมหลายจังหวัด ลำพังนายอำเภอ หรือผู้การตำรวจ จะรับมือโดยลำพังได้หรือ
ทั้งมีข้อมูลและรับรู้ว่าจะเกิดพายุฝนครั้งใหญ่ ก่อนหน้าวันเกิดเหตุหลายวัน “ดร.เอ้” สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ในฐานะนักวิชาการด้านวิศวกรรมโยธา ระบุชัดว่า พายุฝนกระหน่ำทำเมืองนครศรีธรรมราชจมน้ำ ตั้งแต่ 19-20 พ.ย. แต่ที่หาดใหญ่ยังปักธงเขียว กระทั่งพายุลูกเดียวกันเข้าหาดใหญ่ วันที่ 20-21 พ.ย.จึงค่อยขึ้นธงแดง และกว่าจะอพยพจริง วันที่ 24 พ.ย.โดยไม่มีแผนอพยพที่ชัดเจนว่าจะไปที่ไหน อย่างไร
ในโลกโซเชียลออนไลน์ ยังมีแชร์คลิปภาพ “นายกแป้น” นายณรงค์พร ณ พัทลุง นายกเทศบาลนครหาดใหญ่ ที่สื่อสารบอกกับประชาชนไม่ให้ตระหนก และย้ำว่า “น้ำ-เอาอยู่” เมื่อวันที่ 21 พ.ย.2568
พร้อมการตั้งคำถาม ใครควรจะต้องรับผิดชอบบ้าง ผู้บริหารเทศบาลนครด้วยหรือไม่ โดยมีความเห็นในอีกมุมหนึ่งว่า นายกแป้นมาจากการเลือกตั้งของประชาชน จะถอดถอนได้ ต้องให้ประชาชนที่เลือกมา ไปเข้าชื่อถอดถอนกันเอง
ขณะเดียวกัน ยังมีอีกหลากหลายความเห็น ตั้งคำถามถึงผู้มีอำนาจที่สูงกว่า ทั้งในมหาดไทย รัฐบาล กระทั่งนายกรัฐมนตรี ว่า ควรต้องรับผิดชอบร่วมด้วยหรือไม่ แทนที่จะเป็นเพียง “แพะ”ระดับล่าง
จึงได้เห็นผู้บริหารระดับสูงของมหาดไทย ตั้งแต่ปลัดกระทรวง อธิบกีกรมการปกครอง อธิบดีส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ต่างไปปรากฏตัวร่วมประชุมพร้อมหน้าที่หาดใหญ่ เป็นข่าวบนหน้าสื่อ เสมือนสื่อสารความหมายไม่ได้ละเลยการทำหน้าที่ มิหนำซ้ำ ปลัดกระทรวง ยังยอมสวมบทคนขับรถ นำพาผู้ประสบภัยกลุ่มเปราะบาง ส่งพักที่โรงแรม ด้วย
กรณีนายอำเภอหาดใหญ่ ที่ถูกสั่งให้ออกจากราชการ ก่อนหน้านี้ก็เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ที่ให้นายอำเภอทั้ง 16 อำเภอ ผลัดเปลี่ยนเวรมาคอยทำหน้าที่ดูแลรับส่งนายเดชอิศม์ ขาวทอง ที่สนามบินหาดใหญ่ หลังจากนายเดชอิศม์ ได้เป็นรัฐมนตรีในรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร 1/2
กระทั่งนักวิชาการ รศ.ธนพร ศรียากูล ตั้งข้อสังเกต อาจเกี่ยวโยงกับเรื่องการเมือง หรืออาจเป็นเรื่องลุแก่อำนาจ หรือต้องการเอาคืนทางการเมือง
ขณะที่หาดใหญ่ จ.สงขลา เป็นเสมือนเมืองหลวงของภาคใต้ เป็นศูนย์กลางธุรกิจและการลงทุนหลายด้าน การเลือกตั้งหลังสุด ปี 2566 มี สส.รวม 9 คน พรรคประชาธิปัตย์มากที่สุด 6 คน แต่ล่าสุด แตกกระจายไปอยู่หลายพรรค รวมทั้งพรรคภูมิใจไทย และยังมี สส.ในสังกัดพรรคกล้าธรรม ปักธงสส.ในสงขลาด้วย
เท่ากับมีโอกาส เป็นเรื่องเกี่ยวข้องและโยงใยกับเรื่องการเมืองเป็นสำคัญ
การลงโทษหรือหวังตัดตอนเพียงระดับนายอำเภอ และผู้กำกับการตำรวจ จึงดูจะไม่สมน้ำสมเนื้อกับมหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นครั้งนี้เอาเสียเลย
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส
อ่านข่าว : ตำรวจชุดปฏิบัติแดนไทย 54 ระงับเหตุปล้นร้านสะดวกซื้อ เขต 8 หาดใหญ่
ซ้ำเติมหลังน้ำลด "หาดใหญ่" ร้านโดนงัด ขโมยทรัพย์สิน
ทภ. 4 แจ้ง "น้ำท่วมโซน 2" สงขลา ลดระดับเข้าสู่สภาวะปกติ