วันนี้ (2 ธ.ค.2568) นพ.กิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ผู้ป่วยจิตเวชจำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ โดยเฉพาะการรับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างสม่ำเสมอเพื่อควบคุมอาการและป้องกันการกำเริบ ทั้งนี้ ในสถานการณ์อุทกภัยพื้นที่ อ.หาดใหญ่ พบว่าผู้ป่วยจำนวนหนึ่งมีความเสี่ยงต่อการหยุดยาเองหรือขาดยาจากอุปสรรคหลายประการ เช่น การเดินทางติดขัด น้ำท่วมขัง หรือความเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับอาการของตนเอง ซึ่งอาจนำไปสู่อาการกำเริบ เช่น อารมณ์หงุดหงิดง่าย ความคิดหวาดระแวง นอนไม่หลับ เก็บตัว หรือพฤติกรรมผิดปกติอื่น ๆ หากไม่ได้รับการดูแลทันเวลาอาจเสี่ยงต่อภาวะฉุกเฉินทางจิตเวชและกระทบความปลอดภัยของผู้ป่วยและคนรอบข้าง
กรมสุขภาพจิต จึงเน้นย้ำให้ครอบครัวและชุมชนร่วมสังเกตอารมณ์และพฤติกรรมผิดปกติอย่างใกล้ชิด พร้อมบันทึกอาการเพื่อแจ้งเจ้าหน้าที่เมื่อพบสัญญาณเตือน นอกจากนี้ ยังสนับสนุนการดูแลด้านโภชนาการ การพักผ่อน และกิจกรรมผ่อนคลายจิตใจเพื่อลดความเครียด
ทั้งนี้ จากผลการปฏิบัติงานทีม MCATT ณ วันที่ 1 ธ.ค.2568 ในพื้นที่ พบว่าประชาชนได้รับการประเมินสุขภาพจิตสะสม 7,340 ราย แบ่งเป็นกลุ่ม A ผู้บาดเจ็บ ญาติผู้เสียชีวิตและผู้สูญหาย 612 ราย กลุ่ม B ญาติผู้บาดเจ็บ ประชาชนที่ประสบภัย ผู้อพยพ และผู้สูญเสียทรัพย์สิน 6,139 ราย กลุ่ม C เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานและสื่อมวลชน 570 ราย และกลุ่ม D ประชาชนทั่วไปนอกพื้นที่ 19 ราย โดยพบผู้มีภาวะเครียดสูง 269 ราย ผู้มีความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย 65 ราย และส่งต่อการดูแล 126 ราย
ขณะเดียวกัน สายด่วนสุขภาพจิต 1323 ให้บริการประชาชนรวม 26,456 ราย โดยเป็นกรณีน้ำท่วม 125 ราย และสายด่วนเฉพาะกิจ 1667 ให้บริการสะสม 249 ราย สะท้อนถึงความต้องการการช่วยเหลือด้านสุขภาพจิตในสถานการณ์วิกฤตที่เพิ่มสูงขึ้น
นพ.กิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวต่อว่า เพื่อสนับสนุนการเข้าถึงบริการและลดอุปสรรคด้านยาและการรักษาในช่วงอุทกภัย กรมสุขภาพจิตได้พัฒนาระบบบริการที่สะดวกขึ้น เช่น บริการ “รับยาใกล้บ้าน ไม่ต้องรอคิวนัด” ผ่าน รพ.สต. โรงพยาบาลชุมชน ร้านขายยาที่ร่วมโครงการ และหน่วยบริการปฐมภูมิ รวมถึงบริการรับยาไปรษณีย์สำหรับผู้ป่วยที่ผ่านการประเมินความเหมาะสม
พร้อมทั้งสนับสนุนบริการปรึกษาและขอความช่วยเหลือด้านสุขภาพจิตตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านสายด่วนสุขภาพจิต 1323 และกรณีจำเป็นด้านการแพทย์สามารถติดต่อสายด่วน 1667 ได้โดยตรง
สำหรับการฟื้นฟูจิตใจในพื้นที่ กรมสุขภาพจิตได้ปรับแผนการเยียวยาจิตใจภายใน 2 สัปดาห์จากเชิงรับในศูนย์อพยพ เป็นเชิงรุกโดยทีม MCATT เดินเท้าเข้าชุมชนทั้ง 103 ชุมชนของเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ โดยปัจจุบันดำเนินการแล้ว 18 ชุมชน คิดเป็น 17.48% พร้อมบูรณาการทำงานร่วมกับผู้นำชุมชนและ อสม.เพื่อระบุกลุ่มเสี่ยงให้ครอบคลุมทุกพื้นที่
รวมทั้งได้รับการสนับสนุนกำลังบุคลากรเพิ่มเติม 50 คนจากชมรมสาธารณสุขแห่งประเทศไทย เพื่อร่วมปฏิบัติการเดินเท้าเป็นเวลา 5 วัน ในส่วนของการดำเนินงานเชิงรับ ได้จัดตั้งศูนย์บริการจิตใจเพื่อรองรับประชาชนอย่างต่อเนื่อง และให้บริการปรึกษาสุขภาพจิตผ่าน 3 ช่องทาง ได้แก่ สายด่วนสุขภาพจิต 1323 สายด่วนเฉพาะกิจ 1667 และ LINE OA เพื่อให้การเยียวยาเข้าถึงทุกกลุ่มและทุกพื้นที่
กรมสุขภาพจิตขอเน้นย้ำว่าการดูแลผู้ป่วยจิตเวชและผู้ประสบภัยต้องอาศัยความร่วมมือของระบบสาธารณสุข ครอบครัว และชุมชน เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลครบถ้วน ปลอดภัย และสามารถฟื้นฟูสภาพจิตใจกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมั่นคง