ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ปิดจบ “ตระกูลฮุน-เขมร” ภัยคุกคาม เปิดแนวรบ(ชายแดน) ลึกได้แค่ไหน

การเมือง
16:38
591
ปิดจบ “ตระกูลฮุน-เขมร” ภัยคุกคาม เปิดแนวรบ(ชายแดน) ลึกได้แค่ไหน

กัมพูชาเปิดแนวรบปะทะไทย เต็มรูปแบบในพื้นที่อีสานใต้และตะวันออก 7 จังหวัด อุบลราชธานี สุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีษะเกษ สระแก้ว จันทบุรี และ ตราด ตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่วันที่ 9 ธ.ค.2568 หลังเข้ามาหยั่งเชิงว่า กองทัพบกไทยจะเอาจริงหรือไม่ ตั้งแต่บ่ายวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยเปิดฉากโจมตีก่อนเป็นระลอกๆ ทั้งอาวุธเบา อาวุธหนัก ก่อนจะนำร่องใช้กระสุนปืนใหญ่ ปืนค.และยิงปูพรมด้วยจรวดหลายลำกล้อง หรือ BM-21 (Boyevaya Mashina) เข้ามาในพื้นที่ตอนใน คือ “ฐานอนุพงศ์” และช่องบก ก่อนปรับโหมดรบเดือดอีกครั้งช่วงฟ้าสางที่บริเวณซำแต , ภูผี, ช่องตาเฒ่าและปราสาทตาควาย

ปฏิเสธไม่ได้ว่า หนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ “ฮุน เซน” อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ต้องออกมาบัญชาการรบเอง คือ การที่ “เฉิน จื้อ” และ “ก๊ก อาน” ที่ปรึกษาและคนสนิทของ “ตระกูลฮุน” ถูกคณะกรรมการธุรกรรมทางการเงิน(ปปง.) ยึดอายัดทรัพย์เกือบหมื่นล้านบาท ขณะที่ “ยิม เลียก” และ “เบน สมธิ” ก็ถูกออกหมายจับและมีการยึดทรัพย์ของเครือข่ายคนกลุ่มนี้ในข้อหาสแกมอร์ อาชญากรข้ามชาติ ย่อมส่งผลสะเทือนต่อเศรษฐกิจของครอบครัวและเครือข่ายของฮุน เซน ไม่น้อย เพียง 7 วันหลังถูกปปง.ไทยสั่งตัดท่อน้ำเลี้ยง เขมรก็ส่งกำลังพลเข้ามาตลอดแนวรบ

สัญญาณปะทะ เริ่มจากลูกชายของฮุน เซน คือ “ฮุน มานี” รองนายกฯกัมพูชา เดินทางยังมามอบสิ่งของให้ทหารเขมรที่บริเวณชายแดน จ.พระวิหาร เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 2568 พร้อมๆ กับ พล.อ.ฮิง บุนเฮียง ผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์ BHQ และ พล.อ.สะรัย ดึก รอง ผบ.ทบ. และ ผบ.กองพล 3 ถือเป็นครั้งแรกที่ 2 มือขวาของฮุน เซน ปรากฏตัวต่อสาธารณชน หลังมีข่าวเสียชีวิตไปแล้วจากเหตุการณ์รบไทย-เขมรรอบแรก

มีข้อมูลเปิดเผยว่า พล.อ.ฮิง บุนเฮียง ยังคงกบดานอยู่แนวหน้าตามคำสั่งของฮุน เซน ไม่ได้กลับพนมเปญ ส่วน พล.อ.สะรัย ดึก ได้รับบาดเจ็บ ถูกส่งไปรักษาตัวที่เวียดนาม เพิ่งกลับมาประจำการที่ จ.พระวิหาร

ท่ามกลาง สถานการณ์การคาใจ “รบ” ติดพันระหว่างไทย-เขมร เมื่อปลายเดือนก.ค. ที่ผ่านมา ยังไม่สะเด็ดน้ำ แม้ “โดนัล ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และ “อัลวาร์ อิบราฮิม”นายก ฯมาเลย์ จะพยายามเป็น “กาวใจ” สร้างสันติภาพไทย-เขมร โดยใช้มาตรการทางภาษีมากกดดันไทยก็ตาม แต่สงบและสันติภาพตามแนวชายแดนไม่มีอยู่จริง หากนับจากมีการเจรจาหยุดยิงตั้งแต่วันที่ 28 ก.ค. ทหารเขมรยังคงลักลอบเข้ามาวางระเบิดสังหารบุคคล PMN-2 จนทำให้ทหารไทยเสียขาที่ 7 ตามด้วยเสียงเรียกร้อง “ให้มันจบที่รุ่นเรา”

รายงานจากหน่วยความมั่นคงชี้ว่า การสู้รบไทย-เขมร จะจบในรุ่นเราหรือไม่ ยังต้องดูกันยาว ๆ แต่ที่แน่ ๆ ขณะนี้ 4 เหล่าทัพ กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และตำรวจตระเวนชายแดน ได้แยกย้ายปฏิบัติภารกิจในพื้นที่รับผิดชอบ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการเตรียมความพร้อมมาโดยตลอด ทั้งพื้นที่พิพาทที่มีการอ้างสิทธิ์ และพื้นที่ที่กัมพูชาล้ำเข้ามาในเขตอธิปไตยของไทย ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า ทางฝั่งกัมพูชาก็ไม่ยอมปฏิบัติตามเงื่อนไขหรือข้อตกลงระหว่างการเจรจาหยุดยิงของไทยเลย ไม่ว่าจะมีการทำหนังสือประท้วง หรือการทักท้วงด้วยวาจา ไทยจึงจำเป็นต้องใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก และพยายามไม่ให้ส่งกระทบต่อชีวิตพลเรือน

โดยในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 มีการเปิดพื้นที่นำร่องรบหนัก มาอย่างต่อเนื่อง และทางฝั่งไทยก็ต้องยิงตอบโต้และเข้าไปทำลายคลังอาวุธและจุดที่ตั้งทางการทหารของฝ่ายตรงข้าม เช่น บ่อนกาสิโน เป็นเหตุให้เขมรโกรธแค้น เพราะอาวุธถูกทำลายและใช้โดรนพลีชีพ หรือ กามิกาเซ เข้ามาในหลายจุด ทั้งที่ช่องอานม้า เนิน 561พื้นที่พญาสัตบรรณ ปราสาทตาควาย ภูมะเขือและอีกหลายจุด ถือว่า ผ่านมา กัมพูชามีการละเมิดปฏิญญาสันติภาพมาแล้วหลายครั้ง จึงทำให้การรบครั้งนี้เรามีความชอบธรรมที่จะตอบโต้อย่างสมเหตุสมผล

ไม่ต่างจากพื้นที่ในความรับผิดชอบชองกองทัพที่ 1 แม้จะมีความพยายามเจรจา ในการปักหมุดเขตแดนชั่วคราวในพื้นที่อ้างสิทธิ แต่ก็ไม่ได้ผลในทางปฏิบัติ ดังนั้นเมื่อมีการเปิดศึกตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา จึงจำเป็นต้องใช้โอกาสเอาคืนในพื้นที่ที่ถูกเขมรรุกล้ำเข้ามา ทั้งที่จ.สระแก้ว รวมทั้งชายแดนด้านจ.ตราด จ.จันทบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดขอบของกองทัพเรือ โดยเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. หน่วยเฉพาะกิจที่ 12 กองกำลังบูรพา ได้เข้ายึดและควบคุมพื้นที่บ้านไปรจัน ตรงข้าม บ.หนองหญ้าแก้ว เป็นไปตามกฎการตอบโต้และการใช้กำลัง หลังพบว่าทหารเขมรได้เคลื่อนอาวุธและกำลังพลเข้ามา อีกทั้งยังตรวจพบระเบิด PMN-2 และใช้อาวุธหนักยิงใส่บ้านประชาชน

“รบครั้งนี้ เขมร เปลี่ยนยุทธวิธีในการรบ ช่วงเจรจาหยุดยิง มันไม่เคยหยุด สร้างถนน ขนกำลังพล อาวุธ เข้ามาในพื้นที่ตลอดแนว ฝ่ายเราก็ต้องปรับยุทธวิธีด้วยเช่นกัน เรารู้ว่าหัวใจสำคัญของเขา คือ กาสิโน อาคารสแกมเมอร์ ด้านอีสานใต้ กองทัพกภาคที่ รับผิดชอบไปแล้ว จะเห็นว่า วันนี้ บ่อนกาสิโนของ ลี ยงพัด หรือพัด สุภาภา ทั้งฝั่งตรงข้ามด้าน อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว และ ด้านฝั่งตรงข้ามจ.สุรินทร์ ก็ไม่เหลือ ...เราอาจต้องใช้การโจมตีเชิงลึก เพื่อตัดเส้นทางขนส่งอาวุธ และกำลังส่งกำลังบำรุง เข้าไปสู่พื้นที่ชั้นในเพื่อลดการสูญเสียของฝั่งเรา” แหล่งข่าวระบุ

ขณะที่ พล.อ.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ เสนาธิการทหารบก ซึ่งเดินทางมาให้กำลังใจทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ รพ. ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี ให้สัมภาษณ์ช่วงหนึ่งว่า วันแรกกัมพูชาพยายามสร้างภาพ ว่า ไทยเป็นผู้กระทำส่งผลให้ วันที่ 2 เขาก็จะสร้างภาพจากการเป็นผู้กระทำก็จะปฏิบัติตอบโต้กับเรา แต่เรามีหลักฐานอยู่แล้วว่า ไม่ใช่เรื่องจริง

และต้นเหตุที่ไทยต้องปกป้องอธิปไตย มาจากวันที่ทหารเราเสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บ 2 นาย จากการที่กองกำลังของเรากำลังทำถนน ซึ่งเราทำถนนในพื้นที่ดินแดนไทย ส่งผลให้ทหารกัมพูชาไม่พอใจ มีการเตือนด้วยเสียง หลังจากนั้นก็ยิงใส่ทหารไทยทันที ขัดแย้งกับกฎการปะทะ ที่ต้องมีการยิงเตือนก่อน ไม่ใช่ยิงใส่ อีกทั้งพื้นที่ที่ทหารกัมพูชายิงใส่ทหารไทย คือ พื้นที่ของดินแดนไทย ไทยจึงมีสิทธิ์สมบูรณ์ที่จะตอบโต้กัมพูชา

พล.อ.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ เสนาธิการทหารบก

พล.อ.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ เสนาธิการทหารบก

พล.อ.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ เสนาธิการทหารบก

“หลายพื้นที่ที่ทหารไทยสามารถครอบครองเริ่มมีความคืบหน้ามากขึ้น ... แต่ในวันที่ 2 ทหารกัมพูชาเริ่มใช้ทั้งโดรนทิ้งระเบิด รวมทั้งอาวุธหนักโจมตีทหารไทยมากขึ้น ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าในช่วงที่ทั้งสองฝ่าย ถอนกำลังออกไป ทหารกัมพูชาก็ไม่ได้ถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ พร้อมทั้งมีการฝังตัวอยู่ที่ใดที่หนึ่ง เป็นเครื่องยืนยันว่ากัมพูชาไม่เคยพูดอะไรอย่างตรงไปตรงมา”

ส่วนการปะทะครั้งนี้จะสิ้นสุดเมื่อใดนั้น เสนาธิการทหารบก กล่าวว่า อาจต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร ต้องคำนึงการปฎิบัติโดยคำนึงถึงความปลอดภัยของคนของเราให้มากที่สุด การปฎิบัติภารกิจต่างๆต้องค่อยๆคืบคลานและใช้ยุทธวิธีต่างๆ และต้องใช้วิธีลิดรอนและทำลายประสิทธิภาพของทหารเขมรให้มากที่สุดและรัฐบาลก็ไฟเขียวอยู่แล้วว่า ให้กองทัพปฎิบัติหน้าที่ได้เต็มที่ เราก็ทำไปตามแผนที่เราได้เตรียมไว้ สัญญาว่าเราจะทำให้เต็มที่

“เพื่อไม่ให้มีปัญหาในอนาคตต่อไป ครั้งนี้จำเป็นต้องลิดรอนขีดความสามารถของเขาไปให้ไกล รวมทั้งขีดความสามารถในเชิงลึกด้วย เพื่อให้เขาหมดสภาพในแนวคิดที่เขาเข้ามาในดินแดนของเรา ด้วยวิธีการต่างๆที่เขาเคยใช้ และให้ไม่สามารถดำเนินการได้ต่อไปในอนาคต จึงทำให้เรามีวิธีการที่เปลี่ยนไปไม่เหมือนในการปะทะกันรอบก่อนและปี 54”

การเปิดพื้นที่ปะทะตลอดหน้าแนวรบกัมพูชา-ไทย ด้านอีสานใต้และภาคตะวันออกใน 7 จังหวัด ขณะนี้สถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ยังคงตึงเครียด “มันจะจบที่รุ่นเราหรือไม่” ยังไม่มีใครให้คำตอบได้ หากตราบใดก็ตามที่กัมพูชายังเป็นภัยคุกคามของไทยและของโลก โดยเฉพาะการเป็นศูนย์บัญชาการใหญ่ของคอลเซนเตอร์และสแกมเมอร์ ใหญ่ในภูมิภาคเอเชีย ภายใต้การกำกับของตระกูลฮุน

 อ่านข่าว

F-16 ทิ้งระเบิดทำลายคลังเก็บจรวด BM-21 จ.อุดรมีชัย กัมพูชา

ยึดอายัดทรัพย์ทุนเทา ต้นทางทำกัมพูชาถล่มไทย

กัมพูชายิง BM-21 ตกหมู่บ้านเดียว 5 ลูก ชาวบ้าน-ชรบ.วิ่งเข้าบังเกอร์