วันนี้ (9 ธ.ค.2568) รายงานข่าวจากสมาคมโทรทัศน์ระบบดิจิตอล (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า การประชุมบอร์ด กสทช. วันที่ 9 ธ.ค. และวันที่ 11 ธ.ค.นี้ ถูกจับตาว่าอาจเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรมสื่อไทยในรอบ 10 ปี เมื่อมีวาระสำคัญกำหนดทิศทางทีวีดิจิทัลก่อนใบอนุญาตหมดอายุปี 2572 รวมถึงการผลักดันแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งระดับชาติ (National Streaming Platform) การกำกับ OTT การสร้างระบบเตือนภัยฉุกเฉินผ่านทีวี และมาตรฐานสื่อสำหรับผู้พิการ
ซึ่งทั้งหมดจะถูกวางกรอบไว้ใน Roadmap กิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2569–2573 ที่ถูกมองว่า จะยกระดับการรับชมทีวีผ่านอินเทอร์เน็ตให้เป็น “สิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน”
ในการประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสทช.) วันที่ 9 และ 11 ธ.ค.ยังมีวาระสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ที่อาจเปลี่ยนโครงสร้างสื่อไทยทั้งระบบ โดยเฉพาะการพิจารณา ร่าง Roadmap กิจการโทรทัศน์ 2569–2573 ซึ่งเป็นแผนระยะยาวเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการหมดอายุใบอนุญาตโทรทัศน์ภาคพื้นดินในปี พ.ศ.2572
Roadmap ฉบับดังกล่าวครอบคลุม 3 เรื่องหลัก ได้แก่
1.การกำกับดูแลอุตสาหกรรมทีวี อาทิ การปรับเกณฑ์ Must Carry ใหม่, การเรียงช่องแบบข้ามแพลตฟอร์ม, การจัดสรรคลื่นความถี่ 3500 MHz เพื่อรองรับเทคโนโลยีใหม่ รวมถึงเกณฑ์ว่าด้วยโครงสร้างโครงข่าย MUX
2.การส่งเสริมการแข่งขันและโครงสร้างธุรกิจ เช่น สนับสนุนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งระดับชาติ (National Streaming Platform) และ Audio Streaming Platform รวมถึงมาตรการสนับสนุนผู้ให้บริการโครงข่าย
3.การคุ้มครองสิทธิผู้บริโภค เช่น มาตรฐานความปลอดภัยสื่อ และการออกแบบให้ผู้พิการเข้าถึงได้ (Inclusive Design)
Roadmap นี้จะเป็นตัวกำหนด “บทบาทใหม่ของทีวีไทย” ว่าจะยังคงอยู่แบบออกอากาศอย่างเดียว หรือเข้าสู่รูปแบบผสมผสานระหว่างระบบทีวีและสตรีมมิ่ง (Hybrid Broadcast–Streaming)
National Streaming Platform ดูทีวีผ่านอินเทอร์เน็ตเป็นสิทธิฝั่งผู้ชม
อีกวาระที่ถูกจับตา คือ แนวทางจัดให้มีช่องทางรับชมโทรทัศน์ภาคพื้นดินบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ผ่านโครงสร้าง Multi-CDN Platform ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของ National Streaming Platform โดยมีแนวคิดให้ประชาชนสามารถดูทีวีภาคพื้นดินผ่านอินเทอร์เน็ตได้โดยไม่ต้องพึ่งเสาอากาศ กล่องรับสัญญาณ หรือจานดาวเทียม และต้องดูได้อย่างเท่าเทียมไม่ว่าผู้ชมใช้อินเทอร์เน็ตของเครือข่ายใด
จากข้อมูลแหล่งข่าวระบุว่า โครงการดังกล่าวได้ถูกบรรจุใน แผน USO ด้านกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ พ.ศ. 2566–2568 จำนวน 11 โครงการ พร้อมงบสนับสนุนจาก กองทุนวิจัยและพัฒนา กสทช. (กทปส.) เพื่อช่วยผู้ให้บริการโครงข่าย (MUX) ในการติดตั้งอุปกรณ์และ API ที่จำเป็นสำหรับรองรับ สัญญาณระหว่างทีวีและออนไลน์แบบแพลตฟอร์มกลาง EWS ทีวีเตือนภัยฉุกเฉินทั่วประเทศ
ในวาระเดียวกัน กสทช. จะพิจารณารายงานและแนวทางพัฒนาระบบแจ้งเตือนภัยพิบัติผ่านโทรทัศน์ (Emergency Warning System: EWS) โดยกำหนดให้ทุกช่องทีวีสามารถ “แจ้งเตือนอัตโนมัติ” ด้วยระบบ Broadcast Override และเชื่อม API กลาง ซึ่งในอนาคตอาจครอบคลุมการแจ้งเตือนผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ที่เชื่อมต่อกับ National Streaming Platform EWS จะเป็นระบบ “ข้ามแพลตฟอร์ม” ซึ่งสื่อทั้งแบบออกอากาศ IPTV และออนไลน์มีหน้าที่แจ้งเตือนภัยต่อสาธารณะ ไม่ใช่เพียงการส่งสัญญาณเฉพาะบนหน้าจอทีวี
กำกับ OTT ไม่ควบคุมมาก แต่คุ้มครองผู้ชม
อีกวาระที่สำคัญคือ ร่างประกาศกำกับการแพร่ภาพและเสียงผ่านอินเทอร์เน็ต (OTT) ควบคู่กับการจัดตั้ง คณะกรรมการร่วมระหว่างหน่วยงานรัฐ ที่มี สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) เป็นแกนหลักภายใต้ พ.ร.บ.บริการแพลตฟอร์มดิจิทัล 2565
โดยหลักการกำกับถูกวางไว้ว่า “กำกับเท่าที่จำเป็น เพื่อความโปร่งใส ความเป็นธรรม การแข่งขัน และการคุ้มครองผู้บริโภค มากกว่าการควบคุมเนื้อหา” นี่เป็นครั้งแรกที่แพลตฟอร์มระดับโลกอย่าง YouTube, TikTok, Netflix, VIU จะต้องเข้าระบบรับผิดชอบด้านผู้บริโภคตามกฎหมายไทยอย่างเป็นรูปธรรม
สื่อเพื่อคนทั้งประเทศ บังคับรองรับผู้พิการ
Roadmap ยังมีรายละเอียดเรื่องการยกระดับบริการสำหรับผู้พิการ เช่น คำบรรยายแทนเสียงแบบสด (Live Captioning) API สำหรับช่วยผู้พิการเข้าถึงเนื้อหา และข้อกำหนดให้แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งต้องรองรับการใช้งานของผู้พิการทุกประเภท โดยใช้งบสนับสนุนจากกองทุน กทปส.
สมาคมทีวีดิจิทัลประเมินว่า หากมติดังกล่าวผ่าน จะเป็นจุดเปลี่ยนอุตสาหกรรมสื่อไทยครั้งใหญ่ในรอบทศวรรษ เพราะทีวีจะไม่ใช่เพียงระบบออกอากาศ แต่ต้องมีการรับชมบนอินเทอร์เน็ตแบบเข้าถึงได้เท่าเทียม และจะเข้าสู่การแข่งขันโดยตรงกับแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งระดับโลก ซึ่งจะทำให้ “สื่อเป็นบริการเพื่อสาธารณะ ไม่ใช่สินค้าเฉพาะในตลาดเอกชน”
อ่านข่าว : นานาชาติเรียกร้อง "ไทย-กัมพูชา" หยุดยิง เตือนพลเมืองเลี่ยงชายแดน
แท็กที่เกี่ยวข้อง:











