ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ไทยยื่นหนังสือยูเอ็น แจ้งกัมพูชาละเมิดอธิปไตย โจมตีไม่เลือกเป้าหมาย

การเมือง
20:26
409
ไทยยื่นหนังสือยูเอ็น แจ้งกัมพูชาละเมิดอธิปไตย โจมตีไม่เลือกเป้าหมาย
เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือถึงเลขาธิการ UN - ประธาน UNSC ปมกัมพูชาละเมิดอธิปไตยไทย โจมตีในวงกว้างอย่างไม่เลือกเป้าหมาย มีประชาชนกว่า 400,000 คน ต้องอพยพ

วันนี้ (10 ธ.ค.2568) นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ได้ส่งหนังสือถึงเลขาธิการสหประชาชาติ และเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรสโลวีเนียประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ผู้เป็นประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ประจำเดือน ธ.ค.2568 เพื่อแจ้งต่อการที่กัมพูชาละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย หนังสือที่เอกอัครราชทูตเชิดชายส่งถึงเลขาธิการสหประชาชาติ มีเนื้อหาดังนี้

กระผมขอเรียนให้ท่านทราบโดยเร่งด่วนถึงการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของ ราชอาณาจักรไทยอย่างร้ายแรงล่าสุด อันเนื่องมาจากการรุกรานและการโจมตีทางอาวุธโดยปราศจากการยั่วยุของกัมพูชาต่อไทย ดังนี้

1. เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.2568 เวลา 14.15 น. ทหารกัมพูชาได้เปิดยิงใส่ทหารไทยจากหน่วยกองพันทหารราบที่ 13 ซึ่งปฏิบัติภารกิจปรับปรุงเส้นทางภายในดินแดนของไทยในพื้นที่ภูผาเหล็ก-พลาญหินแปดก้อน อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ การโจมตีดังกล่าวทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บ 2 นาย โดยในจำนวนนี้ ทหารหนึ่งนายได้รับบาดเจ็บบริเวณหน้าอกและทหารอีกหนึ่งนายถูกยิงบริเวณขาขวา ทั้งนี้ ทหารกัมพูชายังคงยิงใส่ทหารไทยอย่างต่อเนื่องจนถึงเวลา 14.50 น.

2. เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.2568 เวลา 05.05 น. ทหารกัมพูชาได้เริ่มโจมตีฐานทหารไทย โดยปราศจากการยั่วยุใด ๆ ในพื้นที่ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี ตามด้วยการโจมตีในวงกว้างอย่างไม่เลือกเป้าหมายตลอดหลายพื้นที่ภายในดินแดนของไทยใน จ.บุรีรัมย์ จ.สุรินทร์ จ.ศรีสะเกษ และ จ.อุบลราชธานี

ต่อมา ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ทหารกัมพูชายังได้ยกระดับการโจมตีอีกครั้งด้วยการยิงอาวุธหนักใส่ทหารไทยที่ประจำการในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ณ เวลา 18.00 น. การโจมตีรุกรานดังกล่าวส่งผลกระทบต่อ 5 จังหวัดของไทย ทำให้ทหารไทยเสียชีวิต 1 นาย และบาดเจ็บ 18 นาย โดยในจำนวนนี้ ทหาร 3 นายอาการสาหัส และมีประชาชนจำนวนกว่า 400,000 คน ต้องอพยพจากที่พักอาศัย โดยในจำนวนนี้ มีประชาชน 2 ราย ที่เสียชีวิตจากอาการหัวใจวาย

ในระหว่างการอพยพตลอดทั้งวันกำลังทหารกัมพูชาได้ดำเนินการโจมตีดินแดนของไทยอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้สัดส่วนและ ผิดกฎหมาย โดยเจตนามุ่งเป้าหมายโจมตีพลเรือนและโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือน ปฏิบัติการดังกล่าวใช้อาวุธหนักหลายชนิด รวมถึงเครื่องยิงระบบจรวดหลายลำกล้อง ปืนครก และปืนกลหนัก และยังเสริมด้วยการ เคลื่อนย้ายอาวุธหนักและกำลังพลของกัมพูชาตามแนวชายแดนอย่างต่อเนื่อง

3. การโจมตีทางอาวุธโดยปราศจากการยั่วยุและไม่เลือกเป้าหมายดังกล่าวของกัมพูชาต่อดินแดนของ ไทยในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ จ.บุรีรัมย์ จ.สุรินทร์ จ.ศรีสะเกษ จ.อุบลราชธานี และ จ.สระแก้ว เป็นการละเมิดข้อ 2 วรรค 4 ของกฎบัตรสหประชาชาติ หลักการอยู่ร่วมกันฉันมิตรกับประเทศเพื่อนบ้านและหลักการอยู่ร่วมกันอย่างสันติระหว่างรัฐอย่างชัดเจน เพื่อตอบโต้การกระทำดังกล่าว

ไทยจึงมีความจำเป็นต้องใช้สิทธิโดยชอบธรรมในการป้องกันตนเองตามข้อ 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติเพื่อรักษาอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน และปกป้องความปลอดภัยของประชาชนไทย มาตรการป้องกันตนเองดังกล่าวดำเนินการตามกฎหมายระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะหลักความจำเป็นและความได้สัดส่วน มาตรการเหล่านี้จำกัดขอบเขต ได้สัดส่วนตามภัยคุกคาม และมุ่งเป้าหมายเพื่อยับยั้งภัยอันตรายที่ชัดแจ้งจาก ทหารกัมพูชา โดยใช้ความพยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดผลกระทบและอันตรายต่อพลเรือนและโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือน

4. เป็นที่น่าเสียใจว่าในทันทีภายหลังจากเกิดเหตุการณ์ข้างต้น ทางการของกัมพูชาได้ตั้งใจเผยแพร่ข้อมูลเท็จ โดยกล่าวหาว่าไทยเป็นฝ่ายเริ่มการโจมตีก่อน ในขณะที่ในความเป็นจริงแล้ว ฝ่ายกัมพูชาได้เริ่มยิงใส่ทหารไทยและดินแดนของไทยก่อน การกระทำนี้แสดงถึงการยั่วยุของฝ่ายกัมพูชาอีกครั้ง ไทยขอปฏิเสธอย่างสิ้นเชิงต่อข้อกล่าวหาที่ไร้มูลความจริงอย่างต่อเนื่องของกัมพูชา ซึ่งมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการบิดเบือนข้อเท็จจริง และบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของประเทศไทยในประชาคมระหว่างประเทศ

5. การโจมตีทางอาวุธล่าสุดของกัมพูชาสะท้อนรูปแบบความเป็นปฏิปักษ์ต่อไทยที่เกิดขึ้นซ้ำแล้ว ซ้ำเล่าและทวีความรุนแรงขึ้น รูปแบบดังกล่าวเกิดขึ้นตามมาหลังจากการกระทำที่เกิดขึ้นต่อเนื่องในลักษณะ ไตร่ตรองไว้ล่วงหน้าและเป็นการยั่วยุของกัมพูชา ซึ่งรวมถึงการวางทุ่นระเบิด PMN-2 ใหม่ของกัมพูชาอย่างผิดกฎหมายในดินแดนของไทยหลายครั้ง ทำให้ทหารไทยพิการถาวรรวม 7 นาย โดยเหตุการณ์ล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อ วันที่ 10 พ.ย.2568 และต่อมา เมื่อวันที่ 12 พ.ย.2568

ทหารกัมพูชาจงใจเปิดยิงใส่ทหารไทยในดินแดนอธิปไตยของไทย การกระทำเหล่านี้ถือเป็นการละเมิดอย่างร้ายแรงต่อพันธกรณีที่มีร่วมกันภายใต้ "ถ้อยแถลงผลการหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรไทยและนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย" ลงนามโดยผู้นำของไทยและกัมพูชาเมื่อวันที่ 26 ต.ค.2568 ผ่านการเป็นคนกลางในการประสานงานของนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียนและประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา

6. ประเทศไทยประณามอย่างรุนแรงต่อการรุกรานของกัมพูชา การโจมตีทางอาวุธโดยไม่เลือก เป้าหมายต่อพลเรือน โครงสร้างพื้นฐานทางพลเรือน และสถานที่สาธารณะต่าง ๆ และเจตนาที่ปรากฏชัดในการทำร้ายกำลังพลของไทยภายในอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย การกระทำที่เป็นปฏิปักษ์อย่างไร้ความรับผิดชอบและต่อเนื่องของกัมพูชาต่อไทยมีแต่จะเพิ่มความตึงเครียด ทำลายความมุ่งมั่นที่มีร่วมกันภายใต้ ถ้อยแถลงร่วมฯ และข้อตกลงที่บรรลุในกรอบการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) และ คณะกรรมการชายแดนภูมิภาค (RBC) อีกทั้งยังกัดกร่อนความไว้วางใจระหว่างกันซึ่งมีความจำเป็นต่อการมีปฏิสัมพันธ์อย่างสร้างสรรค์

7. ในการนี้ ไทยเรียกร้องให้กัมพูชาชี้แจงอย่างครบถ้วน รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเต็มที่ และดำเนินมาตรการเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวซ้ำอีก ไทยร้องขอประชาคมระหว่างประเทศให้เรียกร้องต่อกัมพูชาให้ยุติการกระทำอันเป็นปฏิปักษ์และการยั่วยุทั้งหมดที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อประชาชนชาวไทย ทำลายความมั่นคงชายแดน และเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทยซ้ำแล้วซ้ำเล่า กัมพูชาต้องปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศและกฎบัตรสหประชาชาติอย่างเต็มที่ และแสดงความจริงใจและสุจริตใจในการฟื้นฟูสันติภาพและเสถียรภาพบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา

ในการนี้ กระผมขอความอนุเคราะห์ให้เวียนหนังสือฉบับนี้แก่สมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงฯ ทุกประเทศ ในฐานะเอกสารของคณะมนตรีความมั่นคงฯ เพื่อให้รับทราบข้อมูลข้างต้นโดยเร่งด่วน

อ่านข่าว :

ทภ.1 สรุปปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา 10 ธ.ค.บ้านคลองแผง กัมพูชาระดมยิง BM-21

"จรวดโทว์" ถล่มอาคารกาสิโนทมอดาฝั่งกัมพูชา ตรงข้าม จ.ตราด

กกล.บูรพา ประกาศเคอร์ฟิว 4 อำเภอสระแก้ว ห้ามออกนอกเคหสถาน 19.00-05.00 น.