ระวังสถิติจมน้ำตายเหตุน้ำท่วมยือเยื้อเกือบ 3 เดือนเสียชีวิต 245 รายคิดเป็น 94.6%

สังคม
17 ต.ค. 54
18:28
8
Logo Thai PBS
ระวังสถิติจมน้ำตายเหตุน้ำท่วมยือเยื้อเกือบ 3 เดือนเสียชีวิต 245 รายคิดเป็น 94.6%

สะท้อนระดับน้ำยิ่งสูงอัตราการตายยิ่งเพิ่ม สพฉ.แนะแนวทางช่วยเหลือผู้ประสบภัย

จากสถิติจำนวนผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์อุทกภัย ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ค. จนถึงปัจจุบัน ในพื้นที่ 25 จังหวัด พบว่าร้อยละ 94.6 เสียชีวิตจากการจมน้ำ หรือเท่ากับ 245 คน โดยสาเหตุปัจจัยคือเกิดจากเล่นน้ำ อยู่ในพื้นที่น้ำเชี่ยว รวมทั้งประกอบอาชีพทางน้ำ เช่น หาปลา เป็นต้น  นอกจากนี้พบว่ายิ่งปริมาณน้ำมีอัตราเพิ่มขึ้นและกินระยะเวลายาวนานขึ้น ทำให้อัตราคนเสียชีวิตเพิ่มขึ้นด้วย

สำหรับการช่วยเหลือผู้จมน้ำคนตกน้ำหรือจมน้ำ คือ “ต้องมีสติ” โดยวิธีการช่วยเหลือมีหลัก 4 ข้อ คือ “ยื่น – โยน – พาย – ลาก” โดยเบื้องต้น คือ ยื่นอุปกรณ์ให้จับ เช่น เสื้อผ้า เข็มขัด ท่อนไม้ ห่วงหรือไม้ตะขอ และโยนอุปกรณ์ที่ลอยน้ำให้เกาะ เช่น ถังพลาสติก ห่วงชูชีพ ยางในรถยนต์ จากนั้นผู้ช่วยเหลืออาจเอาเชือกผูกอุปกรณ์เหล่านั้นเพื่อลากคนตกน้ำเข้าฝั่ง ซึ่งวิธีการช่วยเหลือดังกล่าว ผู้ช่วยเหลือจะมีความปลอดภัยเกือบ 100% เพราะผู้ช่วยอยู่บนฝั่งหรือยืนได้ในน้ำตื้น ส่วนวิธีการกระโดดลงน้ำไปช่วยนั้น เป็นวิธีการที่ต้องพึงระวัง และผู้ช่วยเหลือจะต้องมีประสบการณ์อย่างมาก เพราะมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากจากการช่วยเหลือคนตกน้ำและจมน้ำ

ส่วนการช่วยเหลือและปฐมพยาบาลคนจมน้ำก่อนส่งโรงพยาบาล นพ.ชาตรี เจริญชีวะกุล เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ให้คำแนะนำว่า 1. สังเกตว่าถ้าผู้ป่วยหยุดหายใจ ให้เป่าปากช่วยหายใจทันทีอย่าเสียเวลาพยายามเอาน้ำออกจากปอดหรือผายปอดด้วยวิธีอื่น เพราะจะไม่ทันการณ์และไม่ได้ผล และถ้าเป็นไปได้ควรลงมือเป่าปากตั้งแต่ก่อนขึ้นฝั่ง เช่น พาขึ้นบนเรือ หรือพาเข้าที่ตื้นๆ ทั้งนี้เมื่อเริ่มเป่าปากสักพัก หากรู้สึกว่าลมเข้าปอดได้ไม่เต็มที่เนื่องจากมีน้ำอยู่เต็มท้อง ให้จับผู้ป่วยนอนคว่ำ ใช้มือ 2 ข้างวางใต้ท้องผู้ป่วย ยกท้องผู้ป่วยขึ้น จะช่วยไล่น้ำออกจากท้องให้ไหลออกทางปากได้ แล้วจับผู้ป่วยพลิกหงายเป่าปากต่อไป

2.หากคลำชีพจรไม่ได้ หรือหัวใจหยุดเต้น ให้นวดหัวใจทันที 3.ถ้าผู้ป่วยยังหายใจได้เอง หรือช่วยเหลือจนหายใจได้แล้ว ควรจับผู้ป่วยนอนตะแคงข้าง ศีรษะหงายไปข้างหลังเพื่อให้น้ำไหลออกทางปาก ใช้ผ้าห่มคลุมผู้ป่วยเพื่อให้เกิดความอบอุ่น อย่าให้กินอาหารและดื่มน้ำทางปาก และ 4.ควรส่งผู้ป่วยที่จมน้ำไม่ว่าจะมีอาการหนักเบาเพียงใดไปพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลทุกราย ในรายที่หมดสติและหยุดหายใจ ผายปอดด้วยวิธีเป่าปากไปตลอดทาง อย่ารู้สึกหมดหวังแล้วหยุดให้การช่วยเหลือ อย่างไรก็ตามสามารถขอความช่วยเหลือด้านการแพทย์ได้ที่สายด่วน 1669
 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง