วันนี้ (21 ธ.ค.2568) ภาพจากโดรนสำรวจของทีมอาสาสมัคร Green Guardians เผยช่วงเวลาระทึกขวัญเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2568 ขณะเรือหางยาวนำเที่ยววิ่งผ่านบริเวณอ่าวทึง ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ โดยใต้ท้องเรือมีแม่ลูกพะยูนกำลังว่ายอยู่ตรงเส้นทางเดินเรือ หวุดหวิดเกิดโศกนาฏกรรมซ้ำรอย
ภาพจากโดรนสำรวจของทีมอาสาสมัคร Green Guardians เผยช่วงเวลาเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2568 ขณะเรือหางยาวนำเที่ยววิ่งผ่านบริเวณอ่าวทึง ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ โดยใต้ท้องเรือมีแม่ลูกพะยูนกำลังว่ายอยู่ตรงเส้นทางเดินเรือ
นายศิริวัฒน์ แสงฉวี หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นห่างจากท่าเรือประมาณ 940 เมตร ในเขตแนวทุ่นชะลอความเร็วที่อุทยานฯ ได้ติดตั้งไว้ โดยพะยูนทั้ง 2 ตัวเป็นแม่ลูกที่ทีมเจ้าหน้าที่อุทยานและอาสาสมัครพบเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีถิ่นอาศัยในแหล่งหญ้าทะเลบริเวณอ่าวทึง ซึ่งจากการประเมินพบว่าแม่พะยูนมีสภาพร่างกายสมบูรณ์ระดับ 3/5 ส่วนลูกพะยูนมีสุขภาพแข็งแรงดี ข้อมูลล่าสุดวันที่ 21 ธ.ค.2568 เวลา 11.30 น. ได้รับข้อมูลจากทีมอาสาสมัครว่ายังพบพะยูนกลุ่มเดิมครบทั้ง 3 ตัว มีสภาพร่างกายสมบูรณ์ดี
ภาพที่ได้จากการสำรวจทำให้ใจหายมาก เพราะเรือลำดังกล่าววิ่งอยู่ในเขตทุ่นที่กำหนดให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 3 นอต แต่ดูเหมือนจะวิ่งเร็วเกินกำหนด ซึ่งหากชนเข้ากับพะยูนอาจเกิดบาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้ เช่นเดียวกับกรณีที่เกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง
หัวหน้าอุทยานฯ ระบุว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ประสานชมรมเรือในพื้นที่เพื่อติดตามเรือและคนขับเรือลำดังกล่าวมาสอบถามข้อเท็จจริง ทั้งเรื่องการใช้ความเร็ว และการสังเกตเห็นพะยูนในขณะนั้นหรือไม่ พร้อมทั้งจะประชุมกับผู้ประกอบการเรือทุกประเภทเพื่อขอความร่วมมือในการเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ รวมถึงพิจารณาให้ติดตั้งอุปกรณ์ครอบใบจักรเรือเพื่อป้องกันการชนกับสัตว์ทะเลหายาก
ปัจจุบันเรามีพะยูนอาศัยอยู่ประจำในเขตรับผิดชอบรวม 4 ตัว นับรวมแม่ลูกคู่นี้ด้วย การดูแลคุ้มครองจึงเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง
การดำเนินการในครั้งนี้สอดคล้องกับภารกิจมูลนิธิอนุรักษ์แนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา และนโยบายของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ให้ความสำคัญกับการเฝ้าระวังและคุ้มครองสัตว์ทะเลหายากอย่างพะยูนและโลมาอย่างจริงจัง โดยเน้นการใช้เทคโนโลยีในการสำรวจติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง การจัดทำระบบทุ่นชะลอความเร็วเพื่อกำหนดเขตจำกัดความเร็วในแหล่งอาศัยของพะยูน พร้อมทั้งสร้างความร่วมมือกับภาคประชาชนและผู้ประกอบการท่องเที่ยวทางทะเล รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดกับผู้ฝ่าฝืน ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์พะยูนถูกใบพัดเรือฟันเสียชีวิตซ้ำรอยอีก
นายศิริวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของการจัดทำทุ่นชะลอความเร็วนั้น อุทยานฯ ได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐมนตรีและอธิบดีกรมอุทยานฯ โดยติดตั้งทุ่นในบริเวณที่พบว่าเป็นแหล่งหากินและเส้นทางเคลื่อนที่ของพะยูน เพื่อเตือนและจำกัดความเร็วของเรือที่วิ่งผ่านไม่ให้เกิน 3 นอต กำหนดเขตจำกัดความเร็วในแหล่งอาศัยของพะยูน บริเวณจุดพบเจอพะยูนเป็นประจำ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุกับสัตว์ทะเล อย่างไรก็ตาม การจัดทำทุ่นเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ ยังต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะผู้ขับเรือที่ต้องมีความระมัดระวังและปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้ อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ขอความร่วมมือผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยวทุกท่านช่วยกันดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ ปฏิบัติตามกฎระเบียบในเขตอนุรักษ์ และหากพบเห็นพะยูนหรือสัตว์ทะเลหายากให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที เพื่อร่วมกันสร้างสมดุลระหว่างการท่องเที่ยว
โปรดเกล้าฯ เรียกประชุมสมัยวิสามัญ 24 ธ.ค. สว.ให้ความเห็นชอบ กกต.-ป.ป.ช.
โฆษก ทร.แจงปมรื้อเขื่อนกันคลื่นหลักเขตที่ 73 เป็นความประสงค์ของเอกชนในกัมพูชา
ทัพนักกีฬาไทย ครองเจ้าเหรียญทองกีฬาซีเกมส์ สมัยที่ 14











