วันนี้ (24 ธ.ค.2568) พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงกรณีกระทรวงสารสนเทศกัมพูชา เผยแพร่ภาพวัตถุระเบิดและถ้อยแถลงของนายลี ทุจ รองผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดกัมพูชา CMAA โดยอ้างไทยใช้กระสุนปืนใหญ่แบบกระสุนคลัสเตอร์ M-46
พล.ต.วินธัย ระบุว่า กรณีกัมพูชาอ้างว่าระเบิดคลัสเตอร์ M-46 นั้น แท้จริงเป็นกระสุนปืนใหญ่แบบทวิประสงค์ที่ใช้ต่อเป้าหมายทางทหาร เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการทำลายเท่านั้น ซึ่งกระสุนดังกล่าวไม่ใช่ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล และไม่ได้มีลักษณะเป็นอาวุธดักทำร้ายพลเรือนแต่อย่างใด
โฆษกกองทัพบก ระบุอีกว่า กระสุนปืนใหญ่ดังกล่าว เมื่อกระสุนหลักกระทบเป้าหมายแล้ว กระสุนย่อยที่บรรจุอยู่ภายในจะระเบิดต่อเนื่องในทันที ไม่มีผลตกค้างในระยะยาวต่อพลเรือน การกล่าวอ้างของกัมพูชาที่ระบุว่าระเบิดดังกล่าวจะตกค้างในพื้นที่จนเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและเด็กกัมพูชา จึงเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง โดยมีเจตนามุ่งกล่าวหาและลดทอนความน่าเชื่อถือของฝ่ายไทย
นอกจากนี้ยังยืนยันว่า ปฏิบัติการทางทหารของฝ่ายไทยเป็นไปตามหลักกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด โดยยึดหลักความจำเป็นทางทหาร และความได้สัดส่วน ใช้อาวุธเพื่อโจมตีเฉพาะเป้าหมายทางทหารเท่านั้น
พล.ต.วินธัย ย้ำว่า อนุสัญญาว่าด้วยการห้ามใช้กระสุนคลัสเตอร์ (CCM) ซึ่งห้ามภาคีใช้งาน ผลิต หรือสะสมอาวุธชนิดนี้ ไม่มีผลผูกพันเพราะทั้งประเทศไทยและกัมพูชาไม่ได้เป็นภาคีของอนุสัญญาฉบับดังกล่าว
พร้อมเรียกร้องให้ประชาคมโลกและองค์กรระหว่างประเทศ พิจารณาข้อเท็จจริงอย่างรอบด้านและตระหนักถึงพฤติกรรมการใช้อาวุธและการปฏิบัติทางทหารของฝ่ายกัมพูชา ที่ยังคงมีการใชอาวุธยิงสนับสนุน เช่น ระบบ BM-21, อาวุธปืน, ทุ่นระเบิด PMN-2 รวมถึงการดัดแปลงลูกกระสุนและระเบิดแสวงเครื่องจำนวนมาก ยิงเข้ามาในดินแดนประเทศไทยอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของกำลังพลและประชาชนฝ่ายไทยมาโดยตลอด
อ่านข่าว
ถก GBC เย็นนี้ ไทยชี้จะไม่ลงนามถ้าข้อตกลงคลุมเครือ
ทบ.โต้กัมพูชา ยืนไทยยึดกฎหมายสากล ไม่เคยกระทำอาชญากรรมสงคราม
ทหารไทยยึดควบคุมพื้นที่ "บ้านคลองแผง-บ้านหนองหญ้าแก้ว" ได้แล้ว











