ผบ.ตร.แถลงคดีระเบิดราชประสงค์ ไม่ตัดประเด็นการเมืองหลังพบ 1 ในผู้ต้องหาโยงเหตุระเบิดปี 53

อาชญากรรม
28 ก.ย. 58
09:49
166
Logo Thai PBS
ผบ.ตร.แถลงคดีระเบิดราชประสงค์ ไม่ตัดประเด็นการเมืองหลังพบ 1 ในผู้ต้องหาโยงเหตุระเบิดปี 53

ผบ.ตร.แถลงสรุปความคืบหน้าการสอบสวนคดีระเบิดที่แยกราชประสงค์ ระบุหลักฐานและผลการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ยืนยันชัด "อาเดม คาราดัก" คือชายเสื้อเหลือง ย้ำยังไม่ตัดประเด็นทางการเมืองทิ้งหลังพบว่า "ยงยุทธ พบแก้ว" หรือ "อ๊อด" ซึ่งเป็น 1 ใน 2 ผู้ต้องหาคนไทยมีความเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดในท้องที่ สน.มีนบุรี และที่สมานเมตตา แมนชั่น เขตบางบัวทอง เมื่อปี 2553 ส่วน "ซูแบร์" หรือชายเสื้อฟ้าที่ต้องสงสัยวางระเบิดที่ท่าเรือสาทรเชื่อว่าหลบหนีไปต่างประเทศแล้ว

วันนี้ (28 ก.ย. 2558) เวลา 12.50 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.พร้อมด้วย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหาญพิทักษ์ ผบช.ก. พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผบช.ส. และ พล.ต.ต.ภานุรัตน์ หลักบุญ ผบก.สปพ. ร่วมแถลงสรุปคดีระเบิดแยกราชประสงค์และท่าเรือสาทร

ประเด็นสำคัญของการแถลงข่าววันนี้ เป็นการย้ำว่าการสืบสวนสอบสวนคดีนี้เป็นไปอย่างรอบคอบรัดกุมจนนำไปสู่การออกหมายจับผู้ต้องหารวมทั้งหมด 17 คน ซึ่งขณะนี้จับกุมได้แล้ว 2 คน คือนายอาเดม คาราดัก หรือ "บิลาน มูฮัมหมัด" และนายเมียไรลี ยูซูฟู ซึ่งการที่ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนนี้รับสารภาพนั้นไม่ได้เกิดจากการที่ถูกตำรวจบังคับ แต่เป็นเพราะผู้ต้องหายอมจำนนด้วยหลักฐานที่ตำรวจหามาได้

นอกจากนี้ในการแถลงข่าวยังมีการเปิดเผยเป็นครั้งแรกว่านายยุงยุทธ พบแก้ว หรือ "อ๊อด" มีความเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดในท้องที่ สน.มีนบุรีและที่สมานเมตตา แมนชั่น เขตบางบัวทอง เมื่อปี 2553 ซึ่ง ผบ.ตร.ระบุว่าเป็นเหตุที่เชื่อมโยงกับการเมือง จึงเป็นเหตุให้ตำรวจไม่ตัดประเด็นการเมืองทิ้งในการสอบสวนคดีระเบิดที่แยกราชประสงค์

"มูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุครั้งนี้ เราเชื่อมั่นว่ามาจากการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐไปทำลายและจับกุมเครือข่ายการค้ามนุษย์ แต่เรายังเชื่อมั่นว่ามีกลุ่มบุคคลหรือบุคคลที่เป็นผู้จ้างวานให้ก่อเหตุระเบิดในครั้งนี่ เหมือนที่ผมเคยพูดว่ามีบุคคลหลายคนหรือหลายกลุ่มที่มีความต้องการหรือมีจุดประสงค์เดียวกันได้ร่วมกันทำให้ทุกฝ่ายสมประสงค์ แต่ผู้จ้างวานที่อยู่เบื้องหลังนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะต้องสืบสวนหาต่อไป" พล.ต.อ.สมยศกล่าว "นายยงยุทธ พบแก้ว เป็นตัวละครที่เชื่อมโยงเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์กับเหตุระเบิดที่มีนบุรีและที่สมานเมตตา แมนชั่น ผมจึงบอกว่าเหตุระเบิดที่ราชประสงค์เกี่ยวข้องกับบุคคล 2 กลุ่มที่มีเจตนาต้องกัน มีจุดประสงค์เดียวกัน กลุ่มหนึ่งอาจจะใช้คนอีกกลุ่มหนึ่งก่อเหตุ แต่ได้ประโยชน์เช่นเดียวกัน"

ทั้งนี้ พล.ต.อ.สมยศได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล 6 เป็นผู้อธิบายรายละเอียดการสอบสวนเหตุระเบิดแยกราชประสงค์และท่าเรือสาทร ซึ่งพล.ต.ต.ชยพลกล่าวว่าเหตุระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์ ในช่วงค่ำของวันที่ 17 ส.ค.2558 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 20 คนและบาดเจ็บ 123 คน ตำรวจสามารถเก็บหลักฐานเป็นเศษกระเป๋าเป้ ลูกเหล็ก ท่อเหล็ก และจากการสอบพยานกว่า 200 ปาก รวมถึงภาพจากกล้องวงจรปิด ได้หลักฐานเบื้องต้นว่าชายสวมเสื้อเหลืองเป็นผู้วางระเบิด

ต่อมาในวันที่ 18 ส.ค.2558 เกิดเหตุระเบิดที่ท่าเรือสาทร เมื่อเวลาประมาณ 13.20 น. เจ้าหน้าที่ก็เก็บหลักฐานสำคัญได้ คือฝักแคระเบิดและจากการสอบพยาน 30 ปาก ก็พบว่าชายเสื้อฟ้าเป็นผู้ก่อเหตุระเบิดสาทร

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ขายผลจนสามารถติดตามได้ว่า ผู้ก่อเหตุได้หลบหนีไปยังพูลอนันต์อพาร์ทเมนท์ ย่านหนองจอกและตามจับได้ โดยควบคุมตัวนายอาเดม คาราดัก หรือ "บิลาล เติร์ก มูฮัมหมัด" และยังพบหลักฐานจำนวนมาก คือวัตถุระเบิด ฝักแคระเบิด ลูกเหล็ก ท่อแป๊ป สารประกอบวัตถุระเบิด

วันที่ 1 ก.ย.2558 ตำรวจก็สามารถติดตามควบคุมตัวนายเมียไรลี ยูซูฟูได้ที่ จ.สระแก้ว โดยจากการตรวจสอบภาพวงจรปิดและการตรวจลายนิ้วมือแฝงพบลายนิ้วมือและดีเอ็นเอจากหลักฐาน

พล.ต.ต.ชยพลกล่าวว่า จากการสอบสวนนายยูซูฟู ผู้ที่ติดต่อและจัดหาอุปกรณ์คือนายอาบูดูซาตาเออร์ ดาบูดูเรห์มานหรืออิซานและนายงยุทธ พบแก้ว หรือ อ๊อด ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับในข้อหามียุทธภัณฑ์ในความครอบครอง จนถึงขณะนี้มีผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับทั้งสิ้น 17 คน ขณะนี้จับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 2 คน อีก 15 คนยังหลบหนี ในจำนวนนี้มีผู้ต้องหาคนไทย 2 คน คือ  น.ส.วรรณา สวนสัน และนายยงยุทธ พบแก้ว

ด้าน พล.ต.ท.ศรีวราร์ รังสิพรหมณกุล ผบช.น. ระบุนายยงยุทธ ถือเป็นบุคคลลึกลับถูกออกหมายจับ 9 ครั้ง แต่ตรวจสอบยังไม่พบเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก

"จากการตรวจสอบย้อนหลังนายอ๊อดมีประวัติต้องโทษคดีอาญาหลายคดี ปี 2553 ถูกจับตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และศาลรอลงอาญา และถูกออกหมายจับเหตุระเบิดปี 2557 ที่มีนบุรี ที่มีผู้เสียชีวิต และจากกาตรวจสอบประวัติกลุ่มคนร้ายดังกล่าวเชื่อมโยงสมานเมตตาแมนชั่นในปี 2553 ซึ่งข้อเท็จจริงดังกล่าวจะต้องขยายผลต่อไป" พล.ต.ต.ศรีวราห์กล่าว

พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวเพิ่มเติมว่า คดีนี้ต้องส่งฟ้องศาลทหารเนื่องจากเป็นการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ยุทธภัณฑ์จึงเป็นอำนาจของศาลทหาร

ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการส่งตัวผู้อพยพชาวอุยกูร์ให้จีนหรือไม่ ซึ่ง ผบช.น.ตอบว่า กรณีการส่งตัวชาวอุยกูร์ กว่า 109 คน ที่ส่งตัวกลับไปยังจีนเป็นการส่งโดยพิสูจน์ทราบสัญชาติว่าถือสัญชาติจีน และส่วนหนึ่งถือสัญชาติตุรกีก็ส่งกลับตุรกีทำตามกฎหมายระหว่างประเทศ การส่งชาวอุยกรูกลับเป็นไปตาม กฎหมายหลังพิสูจน์ทราบสัญชาติ ยืนยันรัฐบาลทำถูกต้องตาม กฎหมายระหว่างประเทศ
พล.ต.อ.สมยศ ยังระบุว่า การรับสารภาพของผู้ต้องหาไม่ใช่การบังคับแต่เป็นการจำนนต่อหลักฐานที่เจ้าหน้าที่หามาจนไม่สามารถปฏิเสธสิ่งเหล่านี้ได้  เบื้องต้นไม่ทราบแน่ชัดว่านายบิลาลเป็นผู้ก่อเหตุเพราะหลักฐานไม่ชัดเจน แต่เมื่อมีการสืบสวนขยายผล รวมทั้งพยานอื่นๆ ทำให้นายบิลาล จำนนต่อพยานหลักฐาน และรับสารภาพ

ด้าน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร.ย้ำว่า คดีนี้ไม่ใช่คดีลวงโลก ทุกอย่างทำตรงไปตรงมา อาจมีข้อสงสัยเนื่องจากนายบิลาลไม่รับสารภาพตั้งแต่แรกว่าก่อเหตุ แต่เมื่อมีการขยายผลสอบสวน ทำให้มีหลักฐานชัดเจนจนต้องรับสารภาพ และที่ผู้ต้องหามากถึง 17 คน เนื่องจากมาจากการขยายผลซึ่งเรื่องระเบิดกับเรื่องค้ามนุษย์ซ้อนทับกัน

ต่อจากนี้ตำรวจจะเร่งติดตามตัวผู้ต้องหาที่ยังหลบหนี โดยเฉพาะนายซูแบร์ ซึ่งเป็นชายสวมเสื้อสีฟ้าที่ต้องสงสัยกว่าก่อเหตุระเบิดที่ท่าเรือสาทรและนายยงยุทธ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ประสานไปยังประเทศที่คาดว่ามีผู้ต้องหาหลบหนี พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าว


ข่าวที่เกี่ยวข้อง