น.ส. นวพร มหารักขกะ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์สถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ในปี 55 การแข่งขันของธุรกิจสถาบันการเงินไทยจะมีความรุนแรงต่อเนื่อง เห็นได้จากช่วงที่ผ่านมาธนาคารพาณิชย์ โดยเฉพาะขนาดกลางเริ่มนำผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆ ออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) จากสถาบันการเงินขนาดใหญ่
“เราจับสัญญาณได้ว่าสถาบันการเงินเริ่มออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะจากแบงก์ขนาดกลาง 4-5 เจ้า ที่เขาเพิ่งจะควบรวมกิจการ หรือมีต่างชาติเข้ามาร่วมทุน สำหรับที่ผ่านมาที่ยังไม่เห็นการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อาจเป็นเพราะกำลังทำแบรนด์สินค้ากันอยู่ จึงไม่ค่อยมีผลิตภัณฑ์อะไรออกมาให้เห็นมากนัก ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนจะเข้าที่เข้าทางดีแล้ว ก็คงถึงเวลาที่จะลงสนามจริงๆ แต่ทั้งนี้ แม้แบงก์พาณิชย์ขนาดกลางจะมีผลิตภัณฑ์การเงินใหม่ๆ ออกมาเยอะขึ้น แต่การจะแย่งชิงมาร์เก็ตแชร์จากแบงก์ขนาดใหญ่คงไม่ใช่เรื่องง่าย”
ส่วนการเปิดเสรีธุรกิจสถาบันการเงิน ตามแผนแม่บทพัฒนาระบบสถาบันการเงินระยะที่ 2 ในปี 56 นั้น ธปท.อาจสนับสนุนให้มีผู้ให้บริการทางการเงินเพิ่ม ถ้าประเมินว่ายังมีช่องว่างในการให้บริการอยู่ โดยเฉพาะกรณีที่ยังไม่มีสถาบันการเงินใดให้บริการทางการเงินกับประชาชนระดับรากหญ้า (ไมโครไฟแนนซ์) เนื่องจากปัจจุบันสถาบันการเงินที่ให้บริการลูกค้ากลุ่มดังกล่าว ส่วนใหญ่มีเพียงสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐเท่านั้น
น.ส.นวพร กล่าวว่า สำหรับช่วงที่ผ่านมา เริ่มเห็นธนาคารพาณิชย์ประมาณ 2-3 ราย สนใจให้บริการในตลาดไมโครไฟแนนซ์เพิ่มมากขึ้น ซึ่งขณะนี้ ธปท. อยู่ระหว่างหารือร่วมกับธนาคารพาณิชย์ต่างๆที่สนใจ เพื่อสอบถามถึงปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานธุรกิจ รวมถึงประเด็นที่ธนาคารพาณิชย์ต้องการให้ธปท.เข้ามาให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมในเรื่องที่ติดขัดด้วย
“เท่าที่ธปท. ได้หารือกับแบงก์พาณิชย์ พบว่า ยังมีอุปสรรคที่สำคัญของแบงก์ในการให้บริการธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ คือ ต้นทุนการวิเคราะห์ข้อมูลสินเชื่อค่อนข้างสูง ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจเลย ดังนั้นเขาเองก็ต้องพยายามหาวิธีที่จะทำให้ต้นทุนเหล่านี้ถูกลง ซึ่งแบงก์บางแห่งก็ขอว่า เป็นไปได้ไหมที่ ธปท.จะเป็นผู้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับลูกหนี้ หรือเป็นศูนย์รวมข้อมูลเกี่ยวกับเอสเอ็มอี เพราะจะทำให้ต้นทุนแบงก์โดยรวมถูกลง ซึ่งขณะนี้ ธปท.เองก็พิจารณาเรื่องดังกล่าวอยู่”
แท็กที่เกี่ยวข้อง: