หญิงตั้งครรภ์ประสบปัญหาเดินทางไปรายงานตัวรับเงินชดเชยว่างงาน
วิจิตรา เพชรแก้ว กลายเป็นคนว่างงานทันที หลังถูกโรงงานผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แห่งหนึ่งในนิคมอุตสาหกรรมนวนคร ที่ทำงานมากว่า 5 ปี เลิกจ้าง เพราะสาเหตุน้ำท่วม ตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่วิจิตราไม่สามารถออกไปหางานใหม่ เหมือนกันเพื่อนงานคนอื่น เพราะรู้ตัวเองดีว่าคงไม่มีที่ทำงานใด จะรับคนท้องแก่ใกล้คลอด 8 เดือน เข้าทำงาน จึงทำได้แค่เพียง ยื่นใช้สิทธิประโยชน์จากประกันสังคมในกรณีการว่างงาน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
อายุครรภ์ที่เพิ่มมากขึ้นทุกวันเป็นอุปสรรคต่อการเดินทางของ วิจิตรา ที่จะไปรายงานตัว ที่สำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่เป็นประจำทุกเดือน ตามเงื่อนไขการขอรับสิทธิประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน แต่ในวันนัดที่ 13 มีนาคมที่จะถึงนี้ ใกล้กับวันกำหนดคลอดบุตร ทำให้เธอเป็นกังวลในการเดินทางไปสำนักงานประกันสังคม เพราะจะต้องเดินออกจากบ้านหลายร้อยเมตรเพื่อขึ้นรถจักรยานยนต์รับจ้าง หลายครั้งที่ วิจิตรา สอบถามเจ้าหน้าที่ว่าจะมีข้อยกเว้นให้กับหญิงท้องใกล้คลอดไม่ต้องมารายงานตัวได้หรือไม่ แต่คำตอบที่ได้ คือ การถูกปฏิเสธทุกครั้งไป
การเดินทางไปรายงานตัวตามกำหนดของผู้ประกันตนกรณีว่างงาน เป็นอุปสรรคสำคัญในการรับสิทธิประโยชน์ของหญิงตั้งครรภ์มาอย่างยาวนาน ซึ่งรองประธานกรรมการปฏิรูปกฎหมายเสนอว่า สำนักงานประกันสังคมควรมีการยกเว้น เงื่อนไขนี้ และอาจจะให้เงินทดแทนกรณีว่างงานทั้ง 6 เดือนในครั้งเดียว หากพบว่า มีหลักฐานยืนยันว่าถูกเลิกจ้าง หรือ มีใบรับรองแพทย์ยืนยันว่าตั้งครรภ์อย่างชัดเจน
รองประธานกรรมการปฏิรูปกฎหมายยังเสนอว่า ควรมีมาตรการดูแลหญิงตั้งครรภ์ที่ถูกเลิกจ้างให้มากขึ้น โดยอาจจะออกเป็นนโยบายภาพรวมของรัฐบาล เช่น การขยายสิทธิประโยชน์ในการให้เงินชดเชยในการว่างงานจาก 6 เดือน เป็น 12 เดือน ซึ่งที่ผ่านมาเคยมีการประกาศขยายสิทธิประโยชน์ในการให้เงินชดเชยการว่างงานจาก 6 เดือน เป็น 8 เดือนในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี 2550 มาแล้ว
ขณะที่นายจิรศักดิ์ สุคนธชาติ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวว่า ยินดีนำเสนอดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการประกันสังคม ให้พิจารณากรณีการยกเว้นเงื่อนไขตั้งครรภ์ไม่ต้องเดินทางมารายงานตัว เพื่อขอใช้สิทธิประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน