เกมรอบชิงชนะเลิศการแข่งขัน "ช้าง เอฟเอ คัพ" บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พบ เอสซีจี เมืองทอง นับเป็นการย้อนคู่ชิงเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ซึ่งในครั้งนั้น บุรีรัมย์ เป็นฝ่ายชนะไป 1-0
ในเกมนี้บุรีรัมย์มีโอกาสทำประตูดีกว่า จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นนาที 43 จากจุดโทษของ อันเดรส ตูนเยส หลังจากปิยะพล ผานิชกุล ทำฟาล์วดิโอโก้ หลังจานั้นปราสาทสายฟ้าได้อีก 2 ประตูรวดจากลูกโหม่งของโกซุลกิในนาที 51 และการปั่นของ จักรพันธ์ แก้วพรหม
ก่อนหมดเวลา 10 นาทีเอสซีจี เมืองทอง ได้ประตูตีไข่แตกจาก มาริโอ ยูรอฟสกี้ และนาทีสุดท้ายมาริโอได้ใบแดง หลังทำฟาล์วดิโอโก้
จบเกม บุรีรัมย์ ชนะ เอสซีจีเมืองทอง ไป 3-1 คว้าแชมป์เอฟเอคัพสมัยที่ 4 รับเงินรางวัล 5 ล้านบาทและเป็นแชมป์ที่ 5 ในปีนี้ของบุรีรัมย์ เป็นทีมที่ 2 ของโลกที่ทำได้ที่ได้แชมป์ปีเดียว 5 รายการต่อจากบาร์เซโลนา
"สถิติมีไว้ทำลายครับ แพ้ใครแพ้ได้ แต่ไม่แพ้เมืองทอง สถิติเดิมของเราคือ ชนะ 9 เสมอ 9 เราก็ทำลายสถิติเป็นชนะ 10 เสมอ ขอบคุณแฟนบุรีรัมย์ทุกคน หวังว่าวันที่ 31 ธ.ค.จะเจอกันที ไอโมบายล์สเตเดี้ยมเพื่อฉลอง 5 แชมป์ของเรา" นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดกล่าว
หลังการแข่งขันเกมนี้ เอสซีจีเมืองทองจะโคจรมาพบกับบุรีรัมย์อีกครั้งในรายการแรกของปีหน้าคือ ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน ก. ซึ่งบุรีรัมย์เป็นแชมป์เก่า
อีกความเคลื่อนไหวหนึ่ง นายไบรอัน แอล มาร์คา ประธานสโมสรบีอีซี เทโรศาสน ที่เพิ่งตกชั้นไปเล่นในฟุตบอลยามาฮ่า ลีก วัน ในฤดูกาลหน้า ประกาศผ่านสื่อมวลชนว่าจะขอยุติการทำทีมอย่างเป็นทางการ หลังบริหารงานสโมสรมา 23 ปี โดยเหตุผลคือ รู้สึกเบื่อและอยากใช้เวลาพักผ่อนกับครอบครัว พร้อมกับตั้งราคาขายทีมจำนวน 500 ล้านบาท ให้กับผู้ที่สนใจจะเทกโอเวอร์สามารถติดต่อกันนายไบรอัน ได้โดยตรงโดยประธานสโมสรเทโรบอกว่าเมื่อทำทีมแล้วไม่ได้รับความยุติธรรมก็ไม่รู้จะทำต่อไปอีกทำไม และการประกาศขายทีมครั้งนี้อาจกระทบต่อการตัดสินใจของนักเตะตัวหลักหลายคนในทีมที่จะย้ายออกจากทีม ซึ่งชลบุรีกำลังเจรจาซื้อตัว ธนบูรณ์ เกษารัตน์, พีรพัฒน์ โน๊ตชัยยาและทริสตอง โด ไปร่วมทีม