สธ.สั่งห้ามขายยาแก้หวัดผสมซูโดอีเฟดรีน จี้ส่งคืนใน30วัน
การสอบสวนและตรวจสอบเพื่อเอาผิดกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกรณีนายสมพงษ์ ตีรถะ เภสัชกรปฏิบัติการ โรงพยาบาลหนองกี่ จังหวัดบุรีรัมย์ อ้างชื่อโรงพยาบาลสั่งซื้อยาแก้ไขหวัด ที่มีส่วนผสมของสารซูโดอีเฟดรีน ล่าสุดเจ้าหน้าพบว่ายอดการสั่งยาของโรงพยาบาล มีตัวเลขเกินยอดที่รายงานต่อองค์การอาหารและยาหรือ อย. กว่า 90,000 เม็ดและยาน้ำอีก 1,000 ขวด ขณะที่เจ้าหน้ากรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยแนวทางการสอบสวนว่า ดีเอสไอจะรวบรวมข้อมูลเพื่อวางแผนลงพื้นที่สอบปากคำเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลหนองกี่เพิ่มเติม เพราะจากผลการสอบสวนเบื้องต้นมีเภสัชกรที่เกี่ยวข้องเพียงคนเดียว จึงต้องตรวจสอบกระบวนการสั่งซื้อยาของโรงพยาบาลใหม่ เพื่อสืบสวนว่ามีเจตนากระทำความผิดในขั้นตอนใด ส่วนการสอบวินัยนั้นขึ้นอยู่กับคณะกรรมการจังหวัดและกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้พิจารณา
ด้านความคืบหน้าความผิดปกติในการสั่งซื้อยาซูโดอีเฟดรีนของโรงพยาบาลนวมินทร์1 ที่ตรวจสอบพบว่ามีการสั่งซื้อยาเข้าโรงพยาบาลจริงเพียง 300,000เม็ด แต่จากข้อมูลของบริษัทแจ้งว่ าโรงพยาบาลสั่งซื้อยาถึง 922,500 เม็ด นายแพทย์สมชัย ภิญโญพรพาณิชย์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เปิดเผยว่า โรงพยาบาลไม่ได้สั่งซื้อโดยตรงไปที่บริษัทยา แต่มอบหมายให้คนกลาง ที่เข้าใจว่าเป็นเครือญาติสั่งซื้อจากษริษัทยาในนามของโรงพยาบาลในการสั่งซื้อยาทุกชนิด ไม่เฉพาะยาที่มีส่วนผสมสารซูโดอีเฟดรีน โดยโรงพยาบาลมีเอกสารยืนยันชัดเจนว่า ได้ยกเลิกการให้คนกลางสั่งซื้อยาตั้งแต่ปลายปี 2553 จึงเข้าใจว่ายาซูโดอีเฟดรีน กว่า 900,000 เม็ด ที่มีการสั่งซื้อโดยโรงพยาบาลนวมินทร์ 1 ในปี 2554 จะเป็นการแอบอ้างชื่อโรงพยาบาลในการสั่งซื้อยา ซึ่งขณะนี้ทราบตัวแล้วว่าเป็นใครจึงเตรียมส่งข้อมูลให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และกรมสอบสวนคดีพิเศษ ดำเนินการสอบสวน
ขณะที่เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ได้ให้กระทรวงสาธารณสุขประกาศให้ยาแก้หวัดสูตรผสมซูโดอีเฟดรีน เป็นยาควบคุมประเภท 2 ตามพระราชบัญญัติวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ซึ่งประกาศใช้ในวันนี้( 3 เม.ย.) แต่ระหว่างนี้อีก 30 วัน จะผ่อนปรนให้สถานพยาบาล ร้านขายยา และคลีนิคต่างๆ ที่มีสารซูโดอีเฟดรีนสูตรผสมยาพาราเซตามอล ส่งคืนผู้ประกอบการเพื่อจัดระบบการใช้ยา หากไม่ส่งคืนจะมีโทษสถานหนัก