สถานการณ์ใน 
ชาวซีเรียหลายพันคนทะลักข้ามพรมแดนไปยังประเทศเลบานอนมากขึ้นกว่าปกติ หลังสถานการณ์การสู้รบในประเทศยังไม่มีแนวโน้มจะเบาบางลง ทั้งที่วันนี้ ( 20 ก.ค.) เป็นวันแรกของการถือศีลอดในเดือนรอมฎอน โดยรัฐมนตรีกระทรวงสวัสดิการสังคมของเลบานอนระบุว่า ขณะนี้มีรายงานชาวซีเรียหนีการสู้รบจากกรุงดามัสกัสแล้วอย่างน้อย 8,500 คน ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา
โดยมีรายงานว่าขณะนี้กองกำลังของกลุ่มกบฏฉวยโอกาสที่กองทัพทุ่มเทกำลังต่อต้านกลุ่มกบฏในเมืองหลวง และ สามารถยึดด่านพรมแดนทางตะวันออกที่จะข้ามสู่อิรักได้แล้วทุกด่าน รวมทั้งยึดด่านพรมแดนข้ามสู่ตุรกีได้อีก 2 ด่าน
ขณะที่การต่อสู้ในกรุงดามัสกัส เมืองหลวงของซีเรียยังดุเดือดกองทัพซีเรียโจมตีกลับกลุ่มกบฏโดยใช้เฮลิคอปเตอร์และยิงกระสุนปืนใหญ่ถล่มที่มั่นรวมทั้งบ้านเรือนประชาชน ซึ่งการต่อสู้ที่เกิดขึ้นสร้างความยากลำบากในการดำรงชีวิตของประชาชน ชาวเมืองต้องต่อแถวยาวเพื่อพยายามซื้อหาอาหารที่เริ่มขาดแคลนลงทุกที
สถานีโทรทัศน์ของทางการซีเรียรายงานข่าวการแต่งตั้งรัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ แทนคนเก่าที่เสียชีวิตจากเหตุระเบิดเมื่อวันพุธโดยเผยภาพประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัดซาส เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดเหตุระเบิดสังหารเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลทั้ง 3 คนแต่ในรายงานข่าวไม่ได้เปิดเผยว่า การแต่งตั้งรัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่เกิดขึ้นที่ไหน และวันใด ทำให้เกิดกระแสข่าวว่าตอนนี้ประธานาธิบดีอัล อัดซาส อาจหนีออกนอกประเทศไปแล้ว และล่าสุดมีรายงานผู้บัญชาการหน่วยงานความมั่นคงที่บาดเจ็บสาหัสจากเหตุระเบิดเมื่อ 2 วันก่อน เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 คน
ส่วนความพยายามของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่จะกดดันรัฐบาลซีเรียให้ยุติการใช้กำลังกับประชาชน ด้วยการคว่ำบาตรเพิ่มเติมและบังคับใช้อำนาจตามมาตรา 7 ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่จะเปิดทางให้ใช้กำลังเข้าแทรกแซงเหตุรุนแรงและการสังหารประชาชนในซีเรียได้ต้องล้มเหลวอีกครั้ง เมื่อรัสเซียและจีนใช้สิทธิวีโต้
มีรายงานว่าผู้ลี้ภัยซีเรียหลายคนต่างประนามจีนและรัสเซีย ที่ใช้สิทธิยับยั้งการลงมตินี้ เพราะมองว่า หากประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัดซาส หมดอำนาจจริง ๆ ทั้งรัสเซียและจีนจะหมดโอกาสหาประโยชน์จากซีเรีย นับตั้งแต่เกิดเหตุประท้วงขับไล่ประธานาธิบดีอัล อัดซาส เมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว มีการประเมินว่า มีประชาชนเสียชีวิตไปแล้วไม่น้อยกว่า 17,000 คน ขณะที่รัฐบาลซีเรียเปิดเผยว่า มีทหารเสียชีวิตไปแล้ว 4,000นาย