กรณีพิพาทปราสาทพระวิหาร กระทบสัมพันธ์ชาวไทย-กัมพูชา ด้าน จ.ศรีสะเกษ

การเกิดกรณีพิพาทปราสาทพระวิหาร ทำให้วันนี้(20 เม.ย.) ชาวกัมพูชาไม่สามารถขึ้นมาร่วมพิธีบวงสรวงปราสาทโดนตวล ซึ่งจัดเป็นประจำทุกปีได้ และยังทำให้การไปมาหาสู่ของชาวบ้าน 2 ประเทศ ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาด้านอำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ต้องยุติลงด้วย

การประกอบพิธีพราหม์เพื่อบวงสรวงปราสาทโดนตวน ของชาวบ้านตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีตามความเชื่อเพื่อสักการะและบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุข

ปราสาทโดนตวล เป็นปราสาทขอมโบราณตั้งอยู่ริมหน้าผาสูง บนเทือกเขาพนมดงรักษ์ ติดชายแดนไทยกัมพูชา ห่างจากปราสาทพระวิหาร 2 กิโลเมตร ในอดีตสถานที่แห่งนี้เคยเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวไทยและกัมพูชาที่เคยร่วมประกอบพิธีสำคัญทางศาสนาร่วมกัน

ข้อพิพาทกรณีปราสาทพระวิหาร รวมถึงการปิดประตูทางขึ้นปราสาทพระวิหารในฝั่งไทยนานกว่า 5 ปี ทำให้การไปมาหาสู่ของชาวไทยและกัมพูชา บริเวณชายแดนด้านอำเภอกันทรลักษณ์ยุติลง ลุงไพฑูรณ์ กิ่งทอง ชาวบ้านที่เข้าร่วมพิธีบวงสรวงปราสาทโดนตวลบอกว่าในอดีตคนกัมพูชาจะขึ้นมาสักการะปราสาท รวมถึงนำของป่ามาขายให้ชาวบ้าน จนเกิดเป็นความสัมพันธุ์ระหว่างคน 2 ประเทศ แต่หลังเกิดการสู้รบตามแนวชายแดนก็ไม่มีชาวกัมพูชาเข้ามาบริเวณนี้อีกเลย

แม้พิธีบวงสรวงปราสาทโดนตวล จะไม่ยิ่งใหญ่เหมือนเช่นทุกปี เนื่องจากอยู่ระหว่างการปิดการท่องเที่ยวบนอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร รวมถึงอยู่ในช่วงการแถลงคดีปราสาทพระวิหารด้วยวาจาต่อศาลโลก ของไทยและกัมพูชา ทำให้การรักษาความปลอดภัยในพื้นที่เป็นไปอย่างเข้มงวด ซึ่งผู้นำชุมนุนบอกว่าการจัดพิธีบวงสรวงครั้งนี้นอกจากเป็นการทำตามประเพณีเช่นทุกปีแล้ว ยังต้องการบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองและให้เกิดสันติสุขในพื้นที่โดยเฉพาะการตัดสินคดีพิพาทปราสาทพระวิหารซึ่งจะมีขึ้นในช่วงปลายปี

ปัจจุบันแม้ชาวกัมพูชาจะไม่สามารถข้ามมายังฝั่งไทยเพื่อร่วมพิธีบวงสรวงปราสาทโดนตวลได้เหมือนเช่นในอดีต แต่ผู้นำชุมชนรวมถึงชาวบ้านตามแนวชายแดนบอกว่าความสัมพันธ์ของคน 2 ประเทศยังเหนียวแน่นและเปรียบเสมือนพี่น้อง แม้จะปัญหาเรื่องเขตแดนมาขวางกันและทำให้ไม่สามารถไปมาหาสู่กันได้ก็ตาม