ทีมข่าวไทยพีบีเอสได้ลองตรวจสอบเอกสารการโอนรถยนต์ ที่ผู้เสียหายได้รับจากกรมการขนส่งทางบก ที่ระบุว่า ผู้เสียหายได้มีการซื้อขายรถยนต์มาแล้วจนทำให้ผู้เสียหายเสียสิทธิ์ที่จะได้รับเงินคืนภาษีจากการซื้อรถคันแรก โดยเอกสารสำคัญคือ มี ชายคนหนึ่งได้ทำการมอบอำนาจ ให้ผู้หญิงคนหนึ่ง ไปทำหน้าที่การโอนรถยนต์มาให้ผู้เสียหาย ซึ่งเอกสารสำคัญของผู้เสียหายคือบัตรประชาชนมีได้มีการปลอมแปลงลายมือชื่อ
ทำให้ทีมข่าวไทยพีบีเอส ได้เดินทางไปตรวจสอบที่บ้านพักแห่งหนึ่ง ตามที่อยู่ในบัตรประชาชน เพื่อตามหาชายที่ถูกอ้างว่า เป็นคนโอนรถยนต์ให้ผู้เสียหาย โดยต้องการที่จะสอบถามว่า มีการซื้อขายรถยนต์จริงหรือไม่ หรือโอนรถยนต์ไปให้บุคคลใด แต่เมื่อไปถึง กลับพบว่า บ้านหลังดังกล่าวมีชื่อ ชายคนที่โอนรถยนต์ เป็นเจ้าของบ้านจริง แต่ไม่มีผู้พักอาศัย เนื่องจากอยู่ระหว่างปรับปรุงซ่อมแซม
ขณะเดียวกันผู้เสียหาย ได้ลองติดต่อกับกรมการขนส่งทางบก เพื่อสอบถามถึงเอกสารรับรองสิทธิ์ว่า เขาเป็นผู้ครอบครองรถยนต์คันแรกจริง โดยไม่ทราบว่า ก่อนหน้านี้มีบุคคลที่ไม่รู้จักนำบัตรประชาชนของเขาไปทำการปลอมแปลง เพื่อการซื้อขายรถยนต์ แต่เจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก ระบุว่า ผู้เสียหายจะต้องไปแจ้งความดำเนินคดีก่อน
ก่อนหน้านี้ ทีมข่าวไทยพีบีเอส ได้ติดต่อกับนายสมชัย ศิริวัฒนโชค อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ซึ่งได้รับคำตอบจากบุคคลที่ติดตามนายสมชัยว่า ให้สามารถสอบถามปัญหาการถูกสวมสิทธิ์จากฝ่ายประชาสัมพันธ์ของกรมการขนส่งทางบกได้
โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า การนำบัตรประชาชนและคู่มือการจดทะเบียนรถยนต์มาทำการปลอมแปลงเป็นเรื่องทำได้ยาก ซึ่งกรมการขนส่งทางบก เคยพบเรื่องร้องเรียนและเมื่อนำมาตรวจสอบพบว่า เคยมีบางกรณีที่ให้ญาติยืมบัตรประชาชนไปซื้อรถยนต์ หรือ มีการเปลี่ยนชื่อนามสกุล เมื่อกรมการขนส่งทางบกตรวจสอบย้อนหลังพบว่าได้เคยซื้อรถแล้ว และไม่สามารถใช้สิทธิ์ได้
เบื้องต้นกรมการขนส่งทางบกได้ขอหลักฐานการจดทะเบียนรถยนต์ไปตรวจสอบ ซึ่งจะสามารถตรวจสอบได้วันอังคารที่ 14 พฤษภาคม 2556 ขณะที่ผู้เสียหายยืนยันว่า ไม่ได้รู้จักกับ ชายที่มีชื่อในการโอนรถยนต์ให้กับเขา รวมถึง หญิงที่ทำการรับมอบอำนาจ และไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลงชื่อ หรือนามสกุล