มติป.ป.ช.ก้างขวางคอ 3 นายพลกลับเข้ารับราชการ
ยังไม่มีความชัดเจนกรณีคณะอนุกรรมการอุทธรณ์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติให้พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผบ.ตร.กับนายตำรวจอีก 2 นายให้กลับเข้ารับราชการแม้มติจะผ่านก.ตร.ขณะที่นายกฯยืนยันคำสั่งป.ป.ช.ไม่สามารถมีคำสั่งอื่นเปลี่ยนแปลงได้
คำยืนยันของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่า มติของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ที่ชี้มูลว่า พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผบ.ตร. พล.ต.ท. สุชาติ เหมือนแก้ว อดีตผบช.น. และพล.ต.ต. เพิ่มศักดิ์ ภราดรศักดิ์ อดีตผบก.จว.อุดรธานี กระทำผิดวินัยร้ายแรงกรณีสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่หน้ารัฐสภาเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2551 และกรณีเหตุปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมที่สวนสาธารณะหนองประจักษ์จ.อุดรธานีเมื่อวันที่ 24 ก.ค. 2551ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
เรื่องนี้สืบเนื่องมาจากคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกา และศาลรัฐธรรมนูญที่เคยตัดสินกรณี นายวีระพล ดวงสูงเนิน อดีตอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ยื่นเรื่องขอกลับเข้ารับราชการ ทำให้พล.ต.อ.พัชรวาท พล.ต.ท.สุชาติ และพล.ต.ต.เพิ่มศักดิ์ ที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดร้ายแรงอุทธรณ์ความผิดและขอกลับเข้ารับราชการอีกครั้งซึ่งคณะอนุกรรมการอุทธรณ์ของตำรวจได้พิจารณาและมีมติให้รับกลับ
ขณะที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่รับผิดชอบสำนักงานตำรวจแห่งชาติขอใช้มติที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจหรือ ก.ตร. เป็นตัวชี้
ซึ่งหากมติในที่ประชุมก.ตร.ยังคงยืนยันตามเดิมคือ นายตำรวจทั้ง 3 คนไม่ได้กระทำผิดวินัยร้ายแรงพล.ต.ท.สุชาติ และพล.ต.ต.เพิ่มศักดิ์จะสามารถขอกลับเข้าทำงานอีกครั้งแต่ต้องอยู่ในการพิจารณารักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ส่วนพล.ต.อ.พัชรวาทที่เกษียณอายุราชการไปแล้วก็จะสามารถลบ คำครหาในการทำงานแต่ทั้งนี้ ก็ต้องอยู่ในดุลยพินิจของนายกรัฐมนตรี
แต่หากมติของที่ประชุม ก.ตร. อ้างอิงตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกา คือ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงคำวินิจฉัยของ ป.ป.ช.ได้นายตำรวจทั้ง 3 นายสามารถต่อสู้โดยยื่นเรื่องต่อศาลปกครอง เพื่อฟ้องร้องขอความเป็นธรรมเอง เช่นเดียวกับกรณีพล.ต.ต.มานิตย์ วงษ์สมบูรณ์ และพ.ต.อ.ฤทธิรงค์ เทพจันดาที่ก่อนหน้านี้เคยถูกป.ป.ช.ชี้มูลว่า กระทำผิดวินัยร้ายแรง และให้ออกจากราชการมาแล้ว แต่สุดท้ายศาลปกครองได้พิพากษาให้กลับเข้ารับราชการอีกครั้ง