ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

สธ.สั่งเฝ้าระวังโรคไวรัสฮานตาที่มีหนูเป็นพาหะระบาด

สังคม
04:30
109
สธ.สั่งเฝ้าระวังโรคไวรัสฮานตาที่มีหนูเป็นพาหะระบาด

กระทรวงสาธารณสุขสั่งเฝ้าระวัง "ไวรัสฮานตา" ที่มีหนูเป็นพาหะ หลังพบ ผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตในทวีปอเมริกาใต้ และที่ผ่านมาไทยเคยพบผู้ป่วยโรคนี้แล้ว

จากกรณีที่มีข่าวพบผู้เสียชีวิตจากโรคฮานตาไวรัสรายแรกในทวีปอเมริกาใต้ เป็นหญิงวัย 29 ปี เสียชีวิตหลังเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล 18 วัน โดยนพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เชื้อฮานตาไวรัส (Hantavirus) เป็นเชื้อที่เกิดจากสัตว์ฟันแทะ เช่น หนู แล้วแพร่มาสู่คนโดยการสัมผัสโดยตรงกับปัสสาวะ อุจจาระ หรือน้ำลายของสัตว์ที่มีเชื้อ หรือ อาจติดจากการสูดละอองสิ่งขับถ่ายดังกล่าวเข้าไป ทำให้เกิดอาการป่วย

สำหรับโรคฮานตาไวรัสมีระยะฟักตัวประมาณ 2-4 สัปดาห์ หรืออาจเร็วภายใน 2-3 วัน หรือ อาจนานถึง 2 เดือน ซึ่งจะส่งผลให้เกิดอาการ 2 แบบ คือ 1.ทำให้เกิดโรคไข้เลือดออกที่มีอาการทางไต(Hemorrhagic Fever with Renal Syndrome : HFRS) มีอัตราเสียชีวิตประมาณร้อยละ 5 มีอาการจะมีไข้สูงเฉียบพลัน ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง ปวดเอว ปัสสาวะน้อย ปัสสาวะมาก มีเลือดออกที่อวัยวะต่างๆ

ส่วนกลุ่มอาการที่ 2 จะมีอาการทางระบบหัวใจและทางเดินหายใจ (Hantavirus Cardio Pulmonary Syndrome : HCPS) เป็นอาการที่รุนแรงที่สุด อัตราการเสียชีวิตเฉลี่ยร้อยละ 40-50 โดยอาการ จะเริ่มจากมีไข้ ปวดกล้ามเนื้อ คลื่นไส้ อาเจียน หายใจลำบากอย่างเฉียบพลัน อาการจะทรุดลงอย่างรวดเร็ว ช็อค และหัวใจวายจนเสียชีวิตในที่สุด

การเฝ้าระวังโรคในประเทศไทย พบผู้ป่วยประปรายน้อยมาก ไม่จัดอยู่ในขั้นระบาด และยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต ขณะที่ก่อนหน้านี้ เคยมีรายงานผู้ป่วยในปี 2528 ที่จังหวัดกาญจนบุรีและกรุงเทพมหานคร และในปี 2541 พบอีก 1 ราย ในกรุงเทพมหานคร ซึ่งในขณะนี้ได้สั่งการให้สำนักระบาดวิทยา เฝ้าระวังผู้ป่วย โดยเฉพาะผู้ป่วยที่เป็นไข้โดยไม่ทราบสาเหตุ พร้อมกันนี้ ได้ยืนยันว่าฮานตาไวรัสไม่มีการติดต่อจากคนสู่คน แต่เป็นการติดต่อจากสัตว์สู่คน

ด้าน นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โรคนี้ยังไม่มีวัคซีนป้องกันในการรักษาผู้ป่วย และไม่มียาเฉพาะ การรักษาจึงเป็นการดูแลตามอาการ ดังนั้น หากประชาชนมีไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดเอว ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ คลื่นไส้ อาเจียน ขอให้รีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที และเมื่อพบผู้ป่วยในพื้นที่จะต้องรายงานเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเพื่อทำการสอบสวนควบคุมโรคไม่ให้แพร่ระบาด