วันนี้ (1 ม.ค.2563) ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2563 โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สรุปสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 31 ธันวาคม 2562 เกิดอุบัติเหตุ 542 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 42 คน มีผู้บาดเจ็บ 567 คน ซึ่งเป็นวันที่ 5 ของการรณรงค์ “ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร”
สำหรับสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 32.29 ขับรถเร็ว ร้อยละ 29.52 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 80.97 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง 63.10 ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 37.82 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 35.42
ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 16.01 – 20.00 น. ร้อยละ 27.49 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป ร้อยละ 24.96
จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช (18 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ ระนอง ยโสธร และสกลนคร (จังหวัดละ 3 คน) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช (21 คน)
สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 5 วันของการรณรงค์ (27 - 31 ธ.ค.62) เกิดอุบัติเหตุรวม 2,529 ครั้ง ผู้เสียชีวิตรวม 256 คน ผู้บาดเจ็บรวม 2,588 คน จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 11 จังหวัด จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ (76 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร (12 คน) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ (77 คน)
![](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijM75KZaluSCBmDuu1g5JY8m7KM0Us.jpg)
นายวีระ แข็งกสิการ ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธานสรุปผลการดำเนินงานศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2563 กล่าวว่า วันนี้เป็นวันหยุดสุดท้ายของเทศกาลปีใหม่ คาดว่าประชาชนส่วนใหญ่จะเริ่มเดินทางเข้าสู่กรุงเทพมหานครและภูมิลำเนา ทำให้เส้นทางสายหลักและเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างจังหวัดมีปริมาณรถหนาแน่น ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน จึงได้ประสานพื้นที่ปรับแผนการตั้งจุดตรวจและจุดบริการประชาชนให้เหมาะสมกับสถานการณ์และสภาพพื้นที่ เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้เกิดความคล่องตัว โดยให้เพิ่มความถี่ในการเรียกตรวจเพื่อชะลอความเร็วรถและประเมินความพร้อมผู้ขับขี่ เน้นการเฝ้าระวัง ตักเตือน พูดคุย ซักถาม หากเห็นว่าผู้ขับขี่มีสภาพอ่อนล้า ควรแนะนำให้หยุดพักให้ร่างกายพร้อมสำหรับเดินทาง เพื่อป้องกันการหลับใน
นอกจากนี้ ให้คุมเข้มความปลอดภัยของรถโดยสารสาธารณะและพนักงานขับรถ กวดขันการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในเลือดและการใช้ยาเสพติดและวัตถุออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทของพนักงานขับรถก่อนออกปฏิบัติหน้าที่ รวมถึงกำชับให้ปฏิบัติตามระเบียบ กฎหมายอย่างเคร่งครัด ตลอดจนจัดเตรียมรถโดยสารให้เพียงพอรองรับการเดินทางกลับของประชาชน
ทั้งนี้ ประสานพื้นที่เข้มข้นจุดตรวจบนเส้นทางสายหลัก ทางเลี่ยง ทางลัด กำชับให้เจ้าหน้าที่เข้มข้นการเรียกตรวจความพร้อมของผู้ขับขี่ ป้องกันอุบัติเหตุง่วงหลับใน และกวดขันพฤติกรรมเสี่ยงขับรถเร็วและไม่ใช้อุปกรณ์นิรภัย พร้อมคุมเข้มความปลอดภัยของรถโดยสารสาธารณะและพนักงานขับรถ รวมถึงประชาสัมพันธ์ข้อมูลการเตรียมพร้อมก่อนเดินทาง สภาพการจราจร และเส้นทาง เพื่อให้ประชาชนวางแผนก่อนออกเดินทาง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
วันแรกเกิดอุบัติเหตุ 464 ครั้ง 30% เมาแล้วขับ
กทม.เสี่ยงมีผู้เสียชีวิตมากสุดช่วงเทศกาลปีใหม่