"สมศักดิ์" ตั้งเป้าปราบยาเสพติดปี 64 เล็งยึดทรัพย์ 6 พันล้าน

อาชญากรรม
27 พ.ย. 63
16:35
828
Logo Thai PBS
"สมศักดิ์" ตั้งเป้าปราบยาเสพติดปี 64  เล็งยึดทรัพย์ 6 พันล้าน
"สมศักดิ์" เปิดแผนปฏิบัติการต่อต้านยาเสพติดปี 64 เดินหน้าตั้งเป้ายึดทรัพย์ 6,000 ล้าน เล็งหาทางยึดบิทคอยน์หลังพบการซื้อขายทางออนไลน์มากขึ้

วันนี้ (27 พ.ย.63) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานเปิด "แผนปฏิบัติการด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. 2564" ก่อนเข้างาน นายสมศักดิ์ รมว.ยุติธรรม ได้เดินชมทรัพย์สินที่ยึดได้จากการปฏิบัติการสยบไพรี 64/1 เปิดสงครามนักค้า ล่ายึดทรัพย์ ที่นำมาแสดงบริเวณด้านหน้า โดยมีทรัพย์สิน 11 รายการมูลค่าประมาณ 44 ล้านบาท อาทิ รถยนต์ รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ 39 คัน อุปกรณ์ตกแต่งมอเตอร์ไซค์ กล้องถ่ายภาพ และบัญชีเงินฝาก

 

จากนั้น นายสมศักดิ์ กล่าวเปิดงานว่า ในนามของผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ (ศอ.ปส.) จุดเน้นของแผนปฏิบัติการด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. 2564 เน้นเรื่องการสืบสวนขยายผลทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดทุกระดับ ตัดวงจรทางการเงิน ยึดทรัพย์สิน กลุ่มการค้ายาเสพติดมิให้นำเงินมาเป็นทุนในการค้ายาเสพติดหรือขยายธุรกิจผิดกฎหมายต่าง ๆ โดยเน้นบูรณาการการบังคับใช้กฎหมายของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามหลักนิติธรรม ซึ่งพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายในการดำเนินงานไปแล้ว เมื่อวันที่ 17 ก.ค. 2563 ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการบริหารประเทศ ที่ผ่านมาการซื้อขายยาเสพติดหลักมาทางสามเหลี่ยมทองคำ และยังพบการซื้อขายผ่านทางออนไลน์ ทำให้ประชาชนเดือดร้อนและเป็นความท้าทายที่สำคัญของหน่วยงานรัฐ ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องปัญหายาเสพติด และมีการกำหนดไว้ในยุทธศาสตร์ชาติไว้ด้วย

 

นายสมศักดิ์กล่าวว่า การแก้ไขปัญหายาเสพติดนี้ เราต้องไปให้ถึงต้นตอ เพื่อลดปัญหายาเสพติดในสังคม เพิ่มความปลอดภัยให้กับประชาชน และขยายการยึดทรัพย์จากปีที่แล้ว สำหรับในปี 2564 ผมได้กำหนดเป้าหมายการขยายผลและยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติด 10 เท่า หรือคิดเป็นมูลค่าทรัพย์สินประมาณ 6,000 ล้านบาท เพื่อให้การดำเนินงานแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นไปตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ขอให้ทุกหน่วยงานให้ความสำคัญในการปราบปรามยาเสพติด ดังนี้ ขอให้ ป.ป.ส.พัฒนากลไกความร่วมมือระหว่างประเทศในการช่วยกันแก้ปัญหา เช่น สำนักงานปราบปรามยาเสพติด สหรัฐอเมริกา (DEA) อย่างการจับกุมสารเคมีที่โกดังบางปะกง เราต้องเรียนรู้ในสิ่งใหม่ๆที่เราไม่เคยเจอ รวมถึงการซื้อขายผ่านทางบิทคอยน์ ดังนั้นเราต้องเรียนรู้ในเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่พัฒนาอยู่ตลอดให้เท่าทัน รวมถึงการทำความเข้าใจกับหน่วยงานต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อให้แต่ละจังหวัดทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ให้ส่วนกลางทำงานอย่างเดียว โดยให้ ป.ป.ส.เป็นหน่วยงานกลางในการประสาน

 

รมว.ยุติธรรม กล่าวอีกว่า ส่วนฝ่ายปราบปราบขอให้เน้นการทำลายเครือข่าย ตัดวงจรทางการเงิน ไม่ให้นำเงินมาขยายเครือข่าย โดยบูรณาการบังคับใช้กฎหมายร่วมกัน และกำหนดตัวชี้วัดให้ชัดเจน ในเรื่องของการยึดทรัพย์เราจะใช้มาตรการที่เกี่ยวข้องใน พ.ร.บ.มาตรการ 2534 หรือ พ.ร.บ.ปปง. ในส่วนที่ 2 ดูว่าท่านสามารรถทำความเข้าใจกับ พ.ร.บ.มาตรการได้มากน้อยขนาดไหน เพราะ พ.ร.บ.ฉบับนี้ส่วนใหญ่ที่ผ่านมา เรายังไม่ค่อยได้ใช้เต็มกำลัง และหน่วยปราบปรามต้องสามารถประสานงาน ร่วมกับ ปปง. นี่คือรูปแบบของการยึดทรัพย์ เพราะหากเราไม่ทำงานบูรณาการ เราจะไม่สามารถเดินหน้ายึดทรัพย์ตัดวงจรยาเสพติดได้ ซึ่งต้องมีการสัมมนาทำความเข้าใจ พูดคุยกัน จึงให้สำนักงาน ป.ป.ส.เป็นเจ้าภาพในการประสานงาน ที่ผ่านมาเราจับยาเสพติดได้ง่าย แต่เราต้องจ่ายค่านำจับมากกว่ามูลค่าต้นทุนยา เราจึงต้องค่อยๆ ลดให้เท่ากับต้นทุน จะลดมากกว่านี้ยังไม่ได้ เพราะคนจะหาว่าเราลดรางวัลนำจับ ซึ่งตอนนี้เรามี ร่าง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ที่อยู่ในการพิจารณาของรัฐสภา ซึ่งหากผ่าน การยึดทรัพย์ตัดวงจรเครือข่าย ผู้นำจับจะได้รางวัลมากกว่าการจับเม็ดยา และ สำนักงาน ป.ป.ส. ควรมีเครื่องมือให้เจ้าหน้าที่ต่างๆ ในการจัดการกับเครือข่ายค้ายาด้วย

 

ด้านนายวิชัย เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า การเปิดแผนปฏิบัติการด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. 2564 ในครั้งนี้ เพื่อให้หน่วยงานบูรณาการ และหน่วยงานในระดับพื้นที่ มีความเข้าใจแนวทางของแผนปฏิบัติการด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. 2564 ตามนโยบายขยายผลยึดทรัพย์เพื่อตัดวงจรยาเสพติด และสามารถขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านยาเสพติด ตามกรอบแนวทางของแผนปฏิบัติการฯ ดังกล่าว ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การดำเนินแผนปฏิบัติการด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. 2564 มีกรอบในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่ต้องประสานการดำเนินงานใน 5 มาตรการ ได้แก่ มาตรการความร่วมมือระหว่างประเทศ มาตรการปราบปรามและบังคับใช้กฎหมาย มาตรการการป้องกันยาเสพติด มาตรการการบำบัดรักษายาเสพติด และมาตรการการบริหารจัดการอย่างบูรณาการ

 

เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวอีกว่า โดยอีกปัจจัยที่สำคัญในการแก้ไขปัญหายาเสพติด คือการมีส่วนร่วมของภาคประชาชาชน เพราะหน่วยงานราชการไม่สามารถดำเนินการเพียงลำพังได้ เพื่อให้ลูกหลานและสังคมไทยปลอดภัยจากยาเสพติด เริ่มตั้งแต่สถาบันครอบครัวที่เป็นสถาบันที่สำคัญที่สุดในการสร้างภูมิคุ้มกันให้บุตรหลาน เยาวชน ไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด หรือภาคชุมชนที่เป็นพื้นที่ปัญหา ที่ต้องลุกขึ้นมาจัดการร่วมกับภาคส่วนอื่น ๆ ของสังคม และการร่วมเป็นหูเป็นตาให้แก่เจ้าหน้าที่ ด้วยการแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งหลายครั้ง ที่ผ่านมาได้มีการนำไปสู่การจับกุมเครือข่ายนักค้ายาเสพติดรายสำคัญหลายราย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง