วันนี้ (21 ม.ค.2564) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า แถลงข่าวกรณีถูกรัฐบาลแจ้งความในข้อหาตามกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมฯ ปมไลฟ์เฟซบุ๊กตั้งข้อสังเกตการจัดหาวัคซีนของรัฐบาล โดยระบุว่า ขอยืนยันกับสังคมว่าพวกเราสนับสนุนการเจรจาต่อรองเพื่อให้มีวัคซีนจากบริษัทต่างๆ ครอบคลุมประชากรและได้ฉีดวัคซีนอย่างรวดเร็ว
การตั้งข้อสังเกตของตน คือรัฐบาลยังไม่สามารถจัดหาวัคซีนให้ครอบคลุมประชากร เพราะไทยยังหาวัคซีนได้เพียง 21.5% ของประชากร และไทยยังไม่ได้เริ่มฉีดวัคซีน
ทั้งนี้การนำเข้าวัคซีนยังมีเพียงสัญญาเดียวที่นำเข้าล็อตใหญ่ คือ บริษัท แอสตราเซเนกา ซึ่งมีบริษัทเอกชนเป็นองค์กรแสวงหากำไรเข้าไปเกี่ยวข้อง และรัฐบาลยังให้งบฯ เกือบ 600 ล้านบาทสนับสนุน และเพิ่มให้ภายหลังกว่า 1,400 ล้านบาท
"ประชาชนไม่สมควรจะตรวจสอบหรือ ดีลที่เกิดขึ้นเป็นดีลปกติไหม เหมาะสมหรือไม่ เพราะเงินที่สนับสนุนมาจากภาษีประชาชน"

นายธนาธร กล่าวอีกว่า การสืบค้นเอกสารพบ 3 สัญญาในดีลนี้ ไม่ได้เป็นอิสระต่อกัน คือ 1. ดีลของบริษัท แอสตราเซเนกา กับบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ 2. บริษัท แอสตราเซเนกา กับรัฐบาลไทย และ 3.รัฐบาลไทยที่ให้เงินสนับสนุนบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์
"3ก้อนใหญ่ไม่ได้เป็นอิสระ ไม่ได้เป็นเอกเทศ แต่เป็นดีลเดียวที่เจรจารวมกัน เอกสารที่ค้นมายืนยันชัดเจน สำคัญที่สุดคือวัคซีนที่เราพูดถึงมาจากภาษีประชาชน"
ประธานคณะก้าวหน้า ยืนยันว่า การตรวจสอบครั้งนี้เป็นการตรวจสอบการนำภาษีของประชาชนไปใช้กับบริษัทเอกชน ซึ่งทำอยู่แล้วตั้งแต่เป็นพรรคอนาคตใหม่จนถึงปัจจุบัน เช่น การตรวจสอบคิงส์พาวเวอร์, รถไฟฟ้าสายสีทอง, การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เป็นต้น
"ก้อนใหญ่ๆ ไม่ได้แยกเจรจาเป็นเอกเทศ เอกสารที่ค้นมาชี้ว่าไม่มีการคัดเลือก และเมื่อตั้งคำถามกับการจัดการวัคซีน ว่ารัฐบาลเอื้อประโยชน์เอกชนรายใดเฉพาะหรือไม่ กลับถูกดำเนินคดี"
นี่สิ่งที่ผมโดนครับ ถูกรัฐบาลฟ้อง พ.ร.บ.คอมฯ และกฎหมายอาญามาตรา 112 มันเป็นแบบนี้มาตลอด ย้อนดูคุณประยุทธ์บิดเบือนทุกครั้งกับการบริหารที่ผิดพลาด คุณประยุทธ์ยกสถาบันฯ กลบเกลื่อนความผิดพลาดมาตลอด
นายธนาธร กล่าวอีกว่า ตนตั้งคำถามกับการใช้งบฯ แต่กลับถูกยัดเยียดคดีแบบนี้เป็นธรรมหรือไม่ ต่อไปใครวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลก็จะโดนรัฐบาลใช้คดีปิดปากแบบนี้เรื่อยๆ และตั้งคำถามว่าการวิพากษ์วิจารณ์คุณประยุทธ์และรัฐบาลคือการไม่จงรักภักดีหรือไม่
นายธนาธร ยังตั้งข้อสังเกตว่าการโต้แย้งจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่มีการนำเอกสารหลักฐานมายืนยัน เช่น กรณีที่อ้างว่าบริษัทเอกชนไม่หวังผลกำไร แต่หลักการดังกล่าวกลับเป็นหลักการที่พบในเอกสารของบริษัท แอสตราเซเนกา แต่ไม่เคยเห็นเอกสารหลักฐานจาก บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์