รู้สึกช็อก กลัว กังวล ทำตัวไม่ถูก เครียดร้องไห้ ไม่กล้าบอกใครในครอบครัว
หทัยรัตน์ ลูกจ้างร้านขายผลไม้ในตลาดสี่มุมเมือง จ.ปทุมธานี เล่าว่า เธอเป็นหนึ่งในผู้ติดเชื้อ COVID-19 แม้จะได้รับการฉีดวัคซีนซิโนแวคครบ 2 เข็มมาแล้ว เมื่อ 2 เดือนก่อน เนื่องจากเป็นพื้นที่สีแดงเข้ม ที่พบการติดเชื้อในกลุ่มแรงงานข้ามชาติ
ข้อสันนิษฐานแรกคาดว่า ตัวเองติดเชื้อ COVID-19 จากลูกจ้างในร้านด้วยกันเอง หลังจาก “นิ” น้องในร้าน เริ่มมีอาการป่วยเป็นไข้ ตัวร้อน
20 ก.ค.น้องในร้านไปตรวจหาเชื้อ ที่แลปเอกชนแถวปทุมธานี ผลออกมาเป็นบวก วินาทีนั้นคือ รู้สึกว่าตัวเองเสี่ยงแล้ว เพราะคลุกคลีใกล้ชิดกันวันละ 8 ชั่วโมง ประกอบกับตัวเอง เริ่มมีอาการคล้ายกัน จึงตัดสินใจไปตรวจหาเชื้อที่แลปเอกชน
หทัยรัตน์บอกว่า กรณีของน้องในร้าน นำผลแลปไปที่โรงพยาบาลเอกชน 2 แห่ง แต่ได้รับคำตอบว่า ไม่มีเตียง จนสุดท้ายโรงพยาบาล แห่งที่ 3 ยอมรับผลตรวจ และให้ยากลับมารักษาตัวที่บ้าน
แต่ด้วยข้อจำกัดของการเป็นลูกจ้าง หทัยรัตน์จึงตัดสินใจพาเธอมาอยู่ที่อพาร์ทเม้นท์ด้วยกัน เพื่อหวังช่วยดูแลอาการ
แต่ในที่สุดข่าวร้ายก็เดินทางมาถึงเธอ ในเวลา 16.00 น.ของวันที่ 21 ก.ค.และเป็นเหตุผลเดียวที่ต้องบอกกับที่บ้านว่า เธอติดเชื้อ
ผลตรวจ RT-PCR บอกว่า Detected วินาทีนั้นรู้สึกช็อก มึนงง ร้องไห้กับสามี กลัวคนอื่นจะติดเชื้อ กลัวพี่สาว และหลานวัย 8 ขวบ เนื่องจากเพิ่งไปบ้านของพี่สาวคนที่ 2 นำผลไม้ไปแขวนไว้ที่หน้าบ้าน
22 ก.ค.หลังจากผลตรวจติดเชื้อ อาการเริ่มมาครบ ทั้งเป็นไข้ ไอ หายใจเหนื่อยหอบ จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส ท้องเสียหลายรอบ ไม่รู้จะเริ่มต้นกับตัวเองอย่างไร ตัดสินใจโทรหาพี่สาวคนโต และพี่สาวคนที่ 2 เพราะตอนนั้นรู้สึกกลัวมากขึ้น จากอาการที่เริ่มมา กลัวสารพัด
วันแรกหลังรู้ผลว่าติด พยายามติดต่อทุกเบอร์ ขอความช่วยเหลือทุกช่องทางที่มีอยู่ เพื่อหาเตียง แต่ทุกอย่างคว้าน้ำเหลว เพราะมีคนรอเตียงอยู่เป็นหมื่นคน ไม่ใช่แค่ร้อยคนเหมือนแต่ก่อนแล้ว แต่ก็ยังลงในระบบต่างๆ เพื่อขอความช่วยเหลือ เป็นแบบนี้อยู่ 2 วันจนเริ่มถอดใจ
เธอบอกว่า ส่วนพี่สาว ต่างก็รีบจัดหาอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งปรอทวัดไข้ เครื่องวัดออกซิเจน ยาฟ้าทะลายโจร ยาพาราเซตามอล น้ำดื่ม วิตามินซี กระชายขาวสกัด เจล แอลกออฮล์ ของที่ต้องใช้สำหรับคนป่วย รวมถึงอาหารมาฝากไว้ที่ รปภ.อพาร์ทเม้นท์ ซึ่งบล็อกพื้นที่ไม่ให้เข้าออกจากห้องพัก ทันทีที่รู้ว่าเป็นคนติดเชื้อ
อ่านข่าวเพิ่ม โควิดติดเชื้อเพิ่ม 17,970 คน หายป่วยเพิ่มขึ้นในรอบ 7 วัน
หทัยรัตน์เล่าต่อว่า แต่ข่าวร้ายก็ยังไม่หมด เมื่อรู้ว่า สามีที่อยู่ร่วมห้องเดียวกัน เป็นผู้ติดเชื้ออีกคน หลังจากไปตรวจที่สนามกีฬาธูปะเตมีย์ ด้วย ATK ผลเป็นบวก เจ้าหน้าที่จึงตรวจซ้ำและส่งตรวจแลป ผลก็ยืนยันว่า ติดเชื้อ ทำให้ทั้ง 2 คน ต้องใช้ชีวิตเพื่อเอาตัวให้รอดจากโรคนี้ให้ได้
และนั่นทำให้ความพยายามในการหาเตียง สิ้นสุดลงในวันที่ 4 และหันหน้าเข้าสู่ระบบการรักษาตัว Home Isolation หลังจากพี่สาวเดินทางไปหาเตียงในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี
ได้รับคำตอบจากเจ้าหน้าที่ว่า ให้สแกนคิวอาร์โค้ด ที่ติดอยู่ด้านหน้าอาคาร แล้วกรอกข้อมูลไว้ แล้วเราจะติดต่อกลับไป เพราะตอนนี้พื้นที่ มีคนป่วยหลักพันคน ที่ต้องรอคิวในการประสานงานหาเตียง
หทัยรัตน์ บอกว่า วันต่อมาเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับมาหา สอบถามถึงอาการ เรามีค่าออกซิเจนตอนแรก 96 ยังไอเหนื่อยหอบ เจ้าหน้าที่จึงนัดให้ไปเอ็กซเรย์ปอด ในวันถัดมา ตอนนี้ (วันที่ 2 ส.ค.) ยังรอผลอยู่
เข้าสู่วันที่ 7-10 ระหว่างนี้มีข้อมูลจากพี่สาวหลั่งไหลเข้ามา ทั้งเรื่องการปฏิบัติตัวในระหว่างรักษา การกินยาให้ครบ เนื่องจากช่วงแรกๆ สามีแอบไปให้คนซื้อยาปฏิชีวนะสำหรับฆ่าเชื้อ และยาสมุนไพรยี่ห้อหนึ่งมากิน แต่กลับยิ่งทำให้อาการแย่ลง เพราะอาเจียนและเกิดอาการชาที่บริเวณใบหน้า ซึ่งหมอที่ให้คำปรึกษา บอกว่าให้หยุดยาทั้ง 2 ชนิดนั้นทันที
พยายามหาวิธีการรักษาแผนโบราณ คือ อบสมุนไพร คือข่า ตระไคร้ ขิง กระชาย ใบมะกรูด เรียกว่า ทำเหมือนต้มยำในหม้อไฟฟ้า จากนั้นสูดดมวันละ 2 เวลา ทำให้รู้สึกจมูกโล่งขึ้น กับอีกตัวคือกินหอมแดง จิ้มเกลือ ทำแบบนี้มาตั้งแต่วันที่ 5 หลังพบว่าติดเชื้อ จนถึงวันนี้รู้สึกดีขึ้น
เธอบอกว่า ช่วงวันที่ 31 ก.ค.-2 ส.ค.อาการเริ่มดีขึ้น เจ้าหน้าที่โทรมาเยี่ยมไข้ และสอบถามอาการวันละ 2 ครั้ง เธอและสามียังแยกกักตัวเหมือนเดิม ไม่คิดถึงการหาเตียงอีกต่อไปแล้ว เพราะดูข่าวทุกวัน อยากให้เก็บไว้สำหรับคนอาการหนักกว่า
หทัยรัตน์ บอกว่า ไม่อยากให้คนป่วยสิ้นหวังกับระบบการรักษา ขอให้ประเมินอาการตัวเอง ยอมรับว่า ทุกคนมีความกลัวว่าอาการตัวเองจะหนักหรือไม่ คนรอบข้างจะเสี่ยงติดเชื้อไปกับเรา
ขอให้ตั้งสติก่อน เพื่อเอาตัวรอดกับโรค COVID-19 ซึ่งอาจจะไม่ง่ายสำหรับทุกคน เพราะเป็นสิ่งใหม่ แต่ก็ไม่ยากเกินไป สำหรับเธอนับถอยหลังอีกเพียง 2 วัน จะครบกำหนด 14 วันแล้ว
ข้อมูลจากวงเสวนา “เอาชีวิตรอดอย่างไร หากต้องแยกกักตัวในบ้าน ในชุมชน” นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย บอกว่า ปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ส่งผลทำให้เตียงไม่เพียงพอ จึงต้องให้ความสำคัญกับการรักษาแบบ Home Isolation (HI) และ Community Isolation (CI)
การติดเชื้อ COVID-19 พบว่ากระจุกตัวในกทม. 80 ส่วนใหญ่ไม่มีอาการ หรือมีอาการน้อย และอีก 20 % มีอาการตั้งแต่เล็กน้อย ถึงปานกลางและส่วนหนึ่งหรือ 5 % อาการหนัก ส่วน 1 % อาการหนักมาก
สถานการณ์ปัจจุบัน ผู้ติดเชื้อวันละมากกว่า 10,000 คน ทำให้มีปัญหาในการใช้เตียง สำหรับผู้ที่มีอาการหนัก (สีแดง) และสีเหลือง ก็มีปัญหาเช่นเดียวกัน
ถ้าปล่อยให้ภาวะนี้เกิดขึ้น จะเกิดปัญหาการจัดการเตียง จึงมีที่มาของคนที่ติดเชื้อไม่มีอาการ ให้รักษาตัวในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ทั้งที่บ้านและในชุมชน ซึ่งเตรียมความพร้อมทั้งหมด สำหรับดูแลผู้ติดเชื้อให้เร็วที่สุด เพื่อลดอาการหนัก ที่จะนำไปสู่การเสียชีวิต และลดการแพร่กระจายไปสู่ชุมชน
หลักการกักตัวของผู้ป่วย COVID-19 ที่เข้าระบบกักตัวที่บ้านต้องเป็นกลุ่มอาการสีเขียว คือมีอาการน้อย สามารถกินยา และปฏิบัติตัวตามแนวทางที่หมอแนะนำอย่างเคร่งครัด และสถานที่ต้องเหมาะสม
นพ.อภิชาติ รอดสม รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) บอกว่า ภาพรวมมีผู้ป่วยเข้าสู่ระบบการรักษา 200,000 คนและในจำนวนนี้ครึ่งหนึ่งอยู่ในพื้นที่กทม. และการนำส่งผู้ป่วยเข้าสู่บริการ HI พื้นที่ (กทม.) มีจำนวนเคสสะสม 12,644 คน เป็นผู้ป่วยรายใหม่ 935 คน แบ่งเป็นผู้ป่วยจากสายด่วน 1330 จุดตรวจเชิงรุก ATK
โดยอยู่ระหว่างการจับคู่ในการดูแลร่วมกับศูนย์บริการสาธารณสุขตามที่อยู่ของผู้ป่วย 884 คน และจับคู่ได้แล้ว 11,760 คน ในจำนวนนี้มีผู้ป่วยที่อยู่ในระบบ Home Isolation จำนวน 5,578 คน และอีก 4,592 คนในระบบ HI (ข้อมูลสะสม 15 ก.ค.-2 ส.ค.)
ช่วงวันที่ 4-10 ส.ค.นี้สปสช.จะร่วมกับกทม.ออกตรวจเชิงรุกในชุมชนทั่วกทม.250 แห่งประเมินว่าตัวเลขผู้ได้รับการตรวจคัดกรองราว 200,000 คน น่าจะมีคนติดเชื้ออีก 20,000-30,000 คน
นพ.อภิชาติกล่าวต่อว่า ทุกอย่างจึงต้องเตรียมการ ถ้าจะเข้าระบบการรักษาที่บ้าน และการกักตัว ผ่านระบบคลินิกชุมชนอบอุ่นให้เร็วที่สุด ตั้งใจจะเก็บตก คนที่ตกค้างในชุมชนให้ได้มากที่สุด ให้คนป่วยได้รับยา ได้รับอาหาร และชุดในการดูแลตัวเองที่บ้านและชุมชนอย่างถูกต้อง ซึ่งในการออกตรวจครั้งนี้ จะทำชุดพลังใจอีก 10,000 ชุด ไปมอบให้กับผู้ที่ตรวจและมีผลติดเชื้อ
อ่านข่าวที่เกียวข้อง
ศบค.เพิ่มพื้นที่แดงเข้มเป็น 29 จังหวัด ขยายล็อกดาวน์อีก 14 วัน ให้ร้านอาหารในห้างขายเดลิเวอรี่
"ชลบุรี" ติดเชื้อใหม่ 1,141 เสียชีวิต 6 บุคลากรติดเพิ่ม 12 คน
ย้อน 14 วัน "ติดเชื้อ-ป่วยหนัก-เสียชีวิต" ก่อนขยายล็อกดาวน์