นับตั้งแต่การประกาศของทางการไทยที่เตรียมเปิดประมูลข้าวเก่า 10 ปี เพื่อเตรียมส่งออกไปยังประเทศในทวีปแอฟริกา ไม่ใช่เฉพาะกระแสเชิงลบในประเทศไทยเท่านั้น แต่ชาวไนจีเรียจำนวนมากก็ได้โพสต์แสดงความกังวลผ่านสื่อสังคมออนไลน์เช่นกัน โดยระบุถึงผลกระทบด้านสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นจากการบริโภคข้าวเก่า 10 ปี หากข้าวไทยสามารถเข้ามาสู่ทวีปแอฟริกา โดยเฉพาะประเทศไนจีเรียได้
ผู้ใช้ X ชื่อบัญชี @NwaOnyekuzi ทวีตว่าเขาไม่แน่ใจว่า ข้าวที่อายุ 10 ปีจะยังมีสารอาหารหลงเหลือหรือไม่ ขณะที่ผู้ใช้บัญชีชื่อ @Kdenkss โพสต์ว่า มันเป็นเรื่องที่น่าอาย แต่ฉันมั่นใจว่าข้าวไทยบางส่วนต้องเข้ามาสู่ไนจีเรียแน่นอน
ด้านผู้เชี่ยวชาญความปลอดภัยด้านอาหาร James Marsh ระบุว่า เมื่อเทียบกับมาตรฐานระบบการวิเคราะห์อันตรายและจุดวิกฤตที่ต้องควบคุมในการผลิตอาหาร (HACCP) ซึ่งเป็นระบบการจัดการเพื่อความปลอดภัยของอาหาร ข้าวอายุ 10 ปีจะไม่มีสารอาหาร เนื่องจากส่วนใหญ่จะสลายออกไปหมดแล้ว
ปัจจุบันยังไม่พบงานวิจัยว่ามีข้าวที่เก็บไว้นาน 10 ปี แล้วยังมีสารอาหารคงเหลืออยู่ การเก็บธัญพืชที่ดีไม่ควรเกิน 5 ปี
![](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijMhT8n1Uz8P9MgviBhIkWGAApqQc9.jpg)
แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ข้าวอายุ 10 ปีจะหาทางเข้าสู่ไนจีเรียได้ Marsh เน้นย้ำ และยังส่งเสียงไปถึงรัฐบาลไนจีเรีย ต้องดำเนินการในตอนนี้โดยให้คำมั่นต่อคนในประเทศว่าข้าวจากไทยจะไม่เข้าสู่ประเทศเมื่อมีการประมูลเกิดขึ้น
Shittu Akinyemi ศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์การอาหารจาก Federal University of Agriculture กล่าวว่าความปลอดภัยของอาหารขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัยได้แก่ วิธีการจัดเก็บอาหาร และ ชนิดของสารเคมีที่ใช้เพื่อการเก็บรักษา Akinyemi เปรียบเทียบว่า ธัญพืชสามารถเก็บไว้ได้นานเหมือนกับมนุษย์ที่อายุยืน แต่พวกเขาจะเป็นแค่คนชรา ไม่ได้เป็นคนวิเศษอะไร ข้าวก็เช่นกัน
![](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijMhT8n1Uz8P9Mgvh6pVy6H6HHXlrN.jpg)
"ไนจีเรีย" รั้งท้ายนำเข้า-อันดับ 1 กินข้าว
"ไนจีเรีย" เป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในแอฟริกา แม้ไม่ติดอยู่ในรายชื่อ 10 อันดับแรกผู้นำเข้าข้าวจากประเทศไทย เพราะนโยบายของธนาคารกลางไนจีเรียที่จำกัดการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศสำหรับผู้นำเข้าข้าว พูดง่าย ๆ คือ ไนจีเรียจะรับซื้อสินค้าจากต่างประเทศในสกุลเงิน "ไนรา" เท่านั้น และไม่รับแลกเปลี่ยนเงินไนราเป็นสกุลอื่น ๆ ด้วย และการเก็บภาษีนำเข้าข้าวที่สูงถึงร้อยละ 70 เพื่อต้องการกระตุ้นการผลิตในประเทศ
![](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijMhT8n1Uz8P9Mgvh2r9NHmRXtQRit.jpg)
แต่ด้วยสภาพภูมิประเทศ ภูมิอากาศ รวมถึงพันธุ์ข้าวที่ปลูกได้ในพื้นที่ ก็ไม่ได้เอื้อให้ไนจีเรียสามารถผลิตข้าวได้มากพอต่อความต้องการของคนในประเทศเลย การนำเข้าข้าวส่วนใหญ่ของไนจีเรียจึงต้องเป็น "การนำเข้าเพื่อส่งออกต่อ (Re-export)" โดยผ่านประเทศเบนินและโตโก ที่มีมาตรการเรื่องนำเข้าข้าวผ่อนคลายกว่าประเทศอื่น ๆ ในทวีปแอฟริกา
![](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijMhT8n1Uz8P9Mgvh1cXtyJ1jmJKa0.jpg)
"เบนิน" อันดับ 1 นำเข้าข้าวไทย
ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ประเทศไทย อธิบายสถานการณ์ข้าวไทยในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตกในปี 2562 ไว้ว่า เป็นที่รู้กันว่าประเทศไทยมีกำลังการผลิตข้าวเกินกว่าความต้องการบริโภคของคนในประเทศ ไทยจึงมีกำลังในการส่งออกข้าวในระดับต้น ๆ ของโลก แต่ประเทศที่นำเข้า "ข้าวจากไทย" กลับเป็นประเทศที่แทบไม่ค่อยมีใครรู้จัก คือ "เบนิน" ประเทศขนาด 70.47 ล้านไร่ ตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันตกของทวีปแอฟริกา ที่มีประชากรในประเทศเพียง 12 ล้านคน
ในปี 2565 เบนินมีพื้นที่เพาะปลูกข้าวประมาณ 0.66 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 0.93 ของพื้นที่ทั้งหมด ผลิตข้าวได้เพียง 0.24 ล้านตัน และ "ข้าว" ก็ไม่ใช่อาหารหลักของชาวเบนินด้วย พวกเขานิยมบริโภค "ข้าวโพด" มากกว่า
![](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijMhT8n1Uz8P9MgviAefHeSfSMg3Jd.jpg)
แต่จุดเด่นของ "เบนิน" คือเป็นประเทศที่มีอัตราภาษีนำเข้าและอุปสรรคทางการที่ค่อนข้างต่ำ โดยมีจุดประสงค์เพื่อลดอุปสรรคทางการค้าและอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้นำเข้าในประเทศ และให้สามารถนำเข้าและส่งออกต่อ (Re-export) สินค้า ไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล (Land Locked) อย่างกลุ่มประเทศซาเฮล (Sahel countries) หรือไนจีเรียที่มีพรมแดนติดกัน
พูดให้เห็นภาพมากขึ้น เบนิน เสมือนพ่อค้าคนกลาง ที่รับซื้อข้าวจากเอเชียเข้าประเทศ และขายต่อให้ประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงแทบทั่วทวีปแอฟริกา
"อินเดีย" คู่แข่งส่งออกข้าว "ไทย"
ในระหว่างปี 2559 - 2561 ไทยส่งออกข้าวไปเบนินประมาณ 1,400,000 - 1,600,000 ตัน/ปี ต่อมาในปี
2562 - 2564 ไทยส่งออกข้าวไปเบนินลดลง ด้วยปัญหาเงินบาทแข็งค่า และปัญหาด้านการขนส่งและค่าระวางเรือ การระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ราคาข้าวไทยอยู่ในระดับสูงและสูญเสียความสามารถในการแข่งขันด้านราคาในตลาดเบนิน ทำให้เบนินนำเข้าข้าวจากไทยลดลง โดยหันไปนำเข้าจากประเทศคู่แข่งอย่าง "อินเดีย" แทน
![](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijMhT8n1Uz8P9Mgvh5MCXLJsBPQYwB.jpg)
แต่ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2560 -2564) ไทยส่งออกข้าวไปภูมิภาคแอฟริกามากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 50 ของปริมาณการส่งออกข้าวทั้งหมด เพียงแต่ "แอฟริกาใต้" ขึ้นเป็นอันดับ 1 นำเข้าข้าวจากประเทศไทย
แอฟริกาชอบบริโภค "ข้าวเก่า" ?
ยังไม่มีข้อยืนยันว่าชาวแอฟริกันชอบกิน "ข้าวเก่า" ตามคำที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ได้เคยกล่าวกับสื่อ และคำว่า "เก่า" ของแต่ละคนอาจไม่เท่ากัน นอกเหนือจากเสียงสะท้อนของชาวไนจีเรีย ประเทศที่มีประชากรมากกว่า 220 ล้านคนและบริโภคข้าวจากไทยเป็นหลักแล้ว ยังมีรายงานว่าเอกอัครราชทูตชาวแอฟริกันใน กทม. ก็ได้ตั้งคำถามถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กับแผนของรัฐบาลไทยที่จะจัดส่งข้าวอายุ 10 ปีไปยังแอฟริกา
แหล่งข่าวในกระทรวงการต่างประเทศยืนยันกับ "ไทยพีบีเอสเวิลด์" ว่าประเด็นดังกล่าวได้มีการหารือกันระหว่างการประชุมเมื่อวันที่ 20-21 พ.ค.ที่ผ่านมา ระหว่างเจ้าหน้าที่อาวุโสของไทยที่ดูแลภูมิภาคเอเชียใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกา และทูตจากแอฟริกา
เจ้าหน้าที่ของกระทรวงรับทราบข้อกังวลของพวกเขาและจะส่งต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
Nation.africa สื่อที่มีสำนักงานในกรุงไนโรบี อ้างคำกล่าวของนักการทูตแอฟริกาว่าการตัดสินใจขายข้าวให้กับแอฟริกาเป็นเรื่องที่น่ากังวล เนื่องจากประเทศไทยเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดไปยังภูมิภาค โดยขายให้กับประเทศต่างๆ เช่น เคนยา ไนจีเรีย และแอฟริกาใต้ในปริมาณมาก
![ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijMhT8n1Uz8P9MgvhwFQndQZtknv8P.jpg)
ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์
ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์
แม้นายภูมิธรรมจะชี้ว่า นี่เป็นโอกาสทองของข้าวไทยในจังหวะนี้ เพราะ "อินเดีย" คู่แข่งเจอปัญหาวิกฤตภัยแล้ง การส่งออกล็อตข้าวจำนวน 15,000 ตันนี้ จะสร้างรายได้กลับคืนสู่รัฐจำนวน 200-400 ล้านบาท แต่สิ่งที่น่าจับตาคือ ราคานี้คุ้มค่ามากน้อยเพียงใดกับชื่อเสียงของ "ข้าวไทย" และ "ประเทศไทย" ในฐานะประเทศส่งออกข้าวสู่ภูมิภาคแอฟริกาตีคู่กับ "อินเดีย" แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า "ไม่มีใครอยากกินข้าวเก่า" รวมถึงเสียงปลายทางของคนแอฟริกาที่สะท้อนว่า
เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ที่แอฟริกาเป็นเหมือนบ่อทิ้งขยะชั้นดี
อ่านข่าว : วิกฤตภัยแล้งอิตาลี-อินเดียงดส่งออก โอกาสทอง“หอมมะลิไทย”