ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

กัมพูชายืนยันผู้ป่วย "ไข้หวัดนก" สายพันธุ์ย่อย "รายที่ 13" ของปี 68

สังคม
13:02
94
กัมพูชายืนยันผู้ป่วย "ไข้หวัดนก" สายพันธุ์ย่อย "รายที่ 13" ของปี 68
อ่านให้ฟัง
08:58อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ศูนย์จีโนมฯ รพ.รามาธิบดี เผย กัมพูชายืนยันผู้ป่วย "ไข้หวัดนก" สายพันธุ์ย่อย 2.3.2.1e รายที่ 13 ของปี 68 เด็ก 6 ขวบรายล่าสุด

แม้ประเทศไทยจะไม่พบผู้ป่วยไข้หวัดนก H5N1 มาเกือบ 20 ปีแล้ว แต่ยังคงมีการเฝ้าระวังโรคไข้หวัดนกอย่างต่อเนื่องทั้งในคนและสัตว์ เนื่องจากประเทศเพื่อนบ้านยังพบผู้ป่วยไข้หวัดนกเพิ่มขึ้น โดยรายล่าสุด เป็น เด็กชาย อายุ 6 ปี

วันนี้ (23 ก.ค.2568) ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ (Center for Medical Genomics) คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า เมื่อวันที่ 22 ก.ค.2568 ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขกัมพูชา ประกาศผ่านเฟซบุ๊กถึงการตรวจพบ ผู้ป่วยไข้หวัดนก H5N1 รายใหม่ ซึ่งเป็นรายที่ 13 ของปี 2568 และเป็นผู้ติดเชื้อรายที่ 8 นับตั้งแต่ต้นเดือน มิ.ย. เป็นต้นมา

ภาพจาก : Center for Medical Genomics

ภาพจาก : Center for Medical Genomics

ภาพจาก : Center for Medical Genomics

สรุปข้อมูลผู้ป่วยไข้หวัดนก H5N1 ในกัมพูชา ปี 2568 

ช่วง มกราคม - พฤษภาคม

• รายที่ 1-3 ผู้ป่วยจาก จ.กำปงจาม, ไพรแวง, และกระแจะ เสียชีวิต โดยมีประวัติสัมผัสสัตว์ปีกป่วย/ตาย

• รายที่ 4 (พ.ค.) เด็กชาย อายุ 11 ปี จาก จ.กำปงสปือ เสียชีวิต หลังมีประวัติสัมผัสสัตว์ปีกป่วย/ตาย

เดือน มิถุนายน

• รายที่ 5 หญิง อายุ 65 ปี จาก จ.ตาแก้ว อยู่ระหว่าง การรักษา (ไม่พบประวัติสัมผัสสัตว์ปีกโดยตรง)

• รายที่ 6 ชาย อายุ 52 ปี จาก จ.สวายเรียง เสียชีวิต หลังสัมผัสและจัดการไก่ป่วย

• รายที่ 7 หญิง อายุ 41 ปี จาก จ.เสียมราฐ อาการสาหัส จากการจัดการและปรุงอาหารจากสัตว์ปีกป่วย/ตาย

• รายที่ 8 เด็กชาย อายุ 19 เดือน จาก จ.ตาแก้ว เสียชีวิต โดยมีประวัติสัมผัสสัตว์ปีกป่วย/ตาย

• รายที่ 9 หญิง อายุ 46 ปี จาก จ.เสียมราฐ (เพื่อนบ้านรายที่ 7) อาการคงที่ หลังพบสัตว์ปีกป่วย/ตายที่บ้าน

• รายที่ 10 เด็กชาย อายุ 16 ปี จาก จ.เสียมราฐ (ลูกชายรายที่ 9) อาการคงที่ หลังพบสัตว์ปีกป่วย/ตายที่บ้าน

• รายที่ 11 หญิง อายุ 36 ปี จาก จ.เสียมราฐ อยู่ระหว่าง การรักษา หลังสัมผัสและนำไก่ตายไปฝัง

เดือนกรกฎาคม

• รายที่ 12 เด็กชาย อายุ 5 ปี จาก จ.กำปอต อาการสาหัส หลังมีประวัติสัมผัสไก่ป่วย

• รายที่ 13 (ล่าสุด) เด็กชาย อายุ 6 ปี จาก จ.ตะโบงฆมึม หลังนำไก่ที่ตายแล้วกลับบ้านเพื่อให้ย่าปรุงอาหาร

** หมายเหตุ Center for Medical Genomics ระบุ ข้อมูลรวบรวมจากรายงานของกระทรวงสาธารณสุขกัมพูชา, องค์การอนามัยโลก (WHO) และแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ ณ วันที่ 22 ก.ค.2568 

ภาพจาก : Center for Medical Genomics

ภาพจาก : Center for Medical Genomics

ภาพจาก : Center for Medical Genomics

รายละเอียดผู้ป่วยรายล่าสุด รายที่ 13

ผู้ป่วย รายที่ 13 เป็นเด็กชายวัย 6 ขวบ อาศัยในหมู่บ้านบอสรุสซีย์ ต.โดนเตย อ.โพน hea Krek จังหวัดตะโบงฆมึม อาการ มีไข้ ไอ ท้องร่วง อาเจียน หายใจถี่ และหายใจลำบาก ขณะนี้อาการอยู่ในขั้นวิกฤตและกำลังได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดในห้องผู้ป่วยหนัก จากการสอบสวนโรคพบว่า

ในช่วงเดือนกรกฎาคม มีไก่ในหมู่บ้านป่วยและตายเป็นจำนวนมาก เด็กชายได้ไปที่บ้านญาติซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 100 เมตร และพบซากไก่ตายเกือบร้อยตัว จากนั้นได้นำไก่ที่ตายแล้ว 1 ตัวกลับมาให้ย่าปรุงเป็นอาหาร สถาบันสาธารณสุขแห่งชาติได้ยืนยันผลตรวจเป็นบวกต่อเชื้อไวรัสไข้หวัดนก H5N1 เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2568

มาตรการตอบสนองและคำแนะนำ

ทีมตอบโต้เหตุฉุกเฉินของกระทรวงสาธารณสุข (กัมพูชา) ทั้งในระดับชาติและระดับท้องถิ่น ได้ร่วมมือกับหน่วยงานเกษตรและเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน เพื่อดำเนินการดังนี้

1. สอบสวนโรค ค้นหาแหล่งที่มาของการแพร่ระบาดทั้งในคนและสัตว์

2. เฝ้าระวัง ค้นหาผู้ป่วยต้องสงสัยและผู้สัมผัสใกล้ชิดเพิ่มเติม เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดในชุมชน

3. ป้องกันและรักษา แจกจ่ายยาต้านไวรัสทามิฟลู (Tamiflu) ให้แก่ผู้สัมผัสใกล้ชิด

4. ให้ความรู้ จัดกิจกรรมรณรงค์ให้ความรู้ด้านสุขภาพแก่ประชาชนในหมู่บ้านที่ได้รับผลกระทบ

กระทรวงสาธารณสุข(กัมพูชา) ได้ย้ำเตือนให้ประชาชนระมัดระวังเชื้อไข้หวัดนก H5N1 อย่างต่อเนื่อง หากมีอาการไข้ ไอ หรือหายใจลำบาก ภายใน 14 วันหลังจากสัมผัสกับสัตว์ปีกที่ป่วยหรือตาย ให้รีบไปพบแพทย์ที่สถานพยาบาลใกล้บ้านทันที

การวิเคราะห์สถานการณ์ "ไข้หวัดนก"

สายพันธุ์ไวรัส รายงานระบุว่าเชื้อที่กำลังระบาดเป็นไวรัส H5N1 ที่เกิดจากการ ผสมข้ามสายพันธุ์ใหม่ (reassortment) จากเชื้อเคลด (clade) ดั้งเดิม ซึ่งล่าสุดถูกเปลี่ยนชื่อเป็น 2.3.2.1e และกำลังแพร่กระจายอย่างรวดเร็วในนกป่าและสัตว์ปีกท้องถิ่น

ขณะที่การแพร่เชื้อจนถึงขณะนี้ ผู้ป่วยทุกรายมีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับสัตว์ปีกที่ป่วยหรือตาย และยัง ไม่มีหลักฐานที่ชี้ชัดว่ามีการแพร่เชื้อจากคนสู่คน ส่วน ปัจจัยเสี่ยง ความไม่มั่นคงทางอาหารและความหิวโหย อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ผู้คนเสี่ยงบริโภคสัตว์ปีกที่ป่วยหรือตาย แม้จะมีคำเตือนจากภาครัฐก็ตาม

ภาพรวม เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า แม้ไวรัส H5 เคลด 2.3.4.4b จะเป็นสายพันธุ์ที่ระบาดในวงกว้างทั่วโลก แต่ก็ยังมีไวรัสไข้หวัดนกชนิดรุนแรงอื่นๆ ที่ต้องจับตามอง เช่น สายพันธุ์ 2.3.2.1e ซึ่งกำลังแพร่กระจายอยู่ในกัมพูชา และหมุนเวียนอยู่ในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว ไวรัสเหล่านี้ต่างมีพัฒนาการของตนเอง แม้ส่วนใหญ่จะยังไม่ถึงระดับเป็นภัยระบาดใหญ่ แต่ก็เป็นความเสี่ยงที่ไม่อาจละเลย และต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

ภาพจาก : Center for Medical Genomics

ภาพจาก : Center for Medical Genomics

ภาพจาก : Center for Medical Genomics

ไทยควรดำเนินการอย่างไร จากการระบาดในประเทศเพื่อนบ้าน

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ ระบุอีกว่า จากสถานการณ์การระบาดในประเทศเพื่อนบ้าน ประเทศไทยควรยกระดับมาตรการป้องกันและเฝ้าระวัง ดังนี้ 

1. เฝ้าระวังและคัดกรองบริเวณชายแดน เพิ่มความเข้มงวดในการคัดกรองผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง และเฝ้าระวังการลักลอบนำเข้าสัตว์ปีกที่ไม่มีใบอนุญาต 2. สื่อสารความเสี่ยงและให้ความรู้ประชาชน รณรงค์ให้ความรู้แก่ประชาชน โดยเฉพาะในจังหวัดชายแดน เกี่ยวกับอันตรายของไข้หวัดนก วิธีป้องกันตนเอง และแนวทางปฏิบัติเมื่อพบสัตว์ปีกป่วยหรือตาย

3. เตรียมความพร้อมสถานพยาบาล: ตรวจสอบความพร้อมของสถานพยาบาลในการรับมือผู้ป่วยต้องสงสัย รวมถึงสต็อกยาต้านไวรัสและอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) 4. ประสานงานกับประเทศเพื่อนบ้าน แลกเปลี่ยนข้อมูลและประสานงานกับหน่วยงานสาธารณสุขของกัมพูชาอย่างใกล้ชิด เพื่อติดตามสถานการณ์และวางแผนรับมือร่วมกัน

5. ส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์ปีกในระบบฟาร์มปิด สนับสนุนเกษตรกรให้เลี้ยงสัตว์ปีกในระบบที่สามารถควบคุมและป้องกันโรคได้ เพื่อลดความเสี่ยงในการสัมผัสกับนกอพยพที่อาจเป็นพาหะนำโรค

อ่านข่าว : "แอร์แคมโบเดีย" แจงปมโซเชียลตั้งข้อสังเกตสี-ลวดลาย

"ทรัมป์" เก็บภาษีฟิลิปปินส์ 19% แลกเปิดเสรีการค้า

"พายุวิภา" อ่อนกำลังเป็นดีเปรสชัน ศูนย์กลาง สปป.ลาว ห่าง จ.น่าน 180 กม.