ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

"ม.มหิดล" เผย 44% พนักงานไทยถูกคุกคามทางเพศในที่ทำงาน

สังคม
14:25
157
"ม.มหิดล" เผย 44% พนักงานไทยถูกคุกคามทางเพศในที่ทำงาน
อ่านให้ฟัง
08:42อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
มหิดลเผยภาพสะท้อนจาก 5 อุตสาหกรรมส่งออก พบ 44.4% ของแรงงานเผชิญการละเมิดหรือคุกคามทางเพศ แต่กว่าครึ่งของสถานประกอบการยังขาดมาตรการที่เป็นรูปธรรม ทำให้ผู้ถูกกระทำเลือก "เงียบ" มากกว่าร้องเรียน

"การคุกคามทางเพศในที่ทำงาน" หมายถึง พฤติกรรมใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องทางเพศ ซึ่งผู้ถูกกระทำไม่ได้ยินยอม ไม่พึงประสงค์ หรือทำให้รู้สึกอึดอัด รำคาญ อับอาย หรือขาดความปลอดภัย เช่น คำพูด สายตา การสัมผัส การแซวหยอกล้อ หรือการใช้สถานะ/อำนาจในการบังคับ เป็นต้น ตามนิยามในคู่มือและแนวปฏิบัติของหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น คู่มือมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศในการทำงาน โดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ที่ได้รับความเห็นชอบจาก ครม.เมื่อวันที่ 21 เม.ย.2563 

พฤติกรรมที่ถือว่าเป็นการคุกคามทางเพศ

ตาม มาตรา 16 พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2551 นายจ้าง หัวหน้างาน หรือผู้ควบคุมงาน ห้ามมิให้กระทำการล่วงละเมิด คุกคาม หรือก่อความเดือดร้อนรำคาญทางเพศ ต่อพนักงาน จากแนวปฏิบัติเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศในการทำงานมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระบุว่า การคุกคามทางเพศครอบคลุมหลายรูปแบบ เช่น

  • ด้วยวาจา เช่น พูดล้อเลียนรูปร่างหรือร่างกาย แสดงความคิดเห็นส่อไปในทางเพศโดยไม่พึงประสงค์
  • ด้วยท่าทางหรือสายตา เช่น มองจ้องจิก ใช้ท่าทางลามก หรือทำเสียงแบบล้อเลียนทางเพศ
  • ทางกายภาพ เช่น การสัมผัส ลูบคลำ กอดโดยมิยินยอม
  • ผ่านสื่อ/เอกสาร/อิเล็กทรอนิกส์ เช่น ส่งภาพลามก ข้อความแซวลามก หรือโพสต์เนื้อหาทางเพศในกลุ่มงาน
  • การติดตามรังควาน (stalking) หรือการละเมิดความเป็นส่วนตัวอย่างต่อเนื่อง
  • สร้างสภาพแวดล้อมไม่ปลอดภัยทางเพศ ซึ่งอาจเกิดจากความสัมพันธ์ของอำนาจ เช่น การบังคับขอให้มีความสัมพันธ์ หรือสัญญาผลประโยชน์แลกสิ่งที่ไม่เหมาะสม
  • การแลกผลประโยชน์ เช่น ผู้มีอำนาจเสนอผลประโยชน์ (เลื่อนตำแหน่ง โบนัส ฯลฯ) แลกกับความสัมพันธ์ทางเพศ หรือข่มขู่ลงโทษหากไม่ยินยอม

ควรทำอย่างไรหากถูกคุกคามทางเพศในที่ทำงาน

1.ต้องรู้ว่าเราได้รับการคุ้มครองสิทธิตามกฎหมาย

  • พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2551 มาตรา 16 ให้ความคุ้มครองพนักงานจากการคุกคามและล่วงละเมิดทางเพศ
  • ประมวลกฎหมายอาญา กำหนดบทลงโทษสำหรับการประพฤติผิดที่มีลักษณะลามกต่อบุคคลอื่น

2.จดบันทึกเหตุการณ์ทันที หากเกิดเหตุการณ์ขึ้น โดยต้องจดบันทึกข้อมูลสำคัญ เช่น วัน-เวลา สถานที่ เหตุการณ์ รายละเอียด ผู้เกี่ยวข้อง (ทั้งผู้ทำ พยาน) เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการร้องเรียนภายในหรือภายนอกองค์กร

3.ใช้ช่องทางร้องเรียนภายในองค์กร พบผู้บริหารฝ่ายทรัพยากรบุคคล, ผู้จัดการ หรือคณะกรรมการจริยธรรม หากองค์กรมีนโยบายหรือแนวปฏิบัติเรื่องการคุกคามทางเพศ (Sexual Harassment Policy) ให้ร้องเรียนตามขั้นตอนนั้นทันที

4.ขอความช่วยเหลือจากบุคคลที่ไว้ใจได้ หากรู้สึกไม่ปลอดภัยที่จะดำเนินการเอง เช่น พูดคุยกับเพื่อนร่วมงานที่ไว้ใจได้ หรือขอความช่วยเหลือจากองค์กรกลาง เช่น สวัสดิการแรงงาน หรือ NGO ที่ทำงานด้านสิทธิมนุษยชน

5.ยื่นเรื่องร้องเรียนภายนอกเมื่อจำเป็น หากองค์กรไม่ดำเนินการหรือแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง สามารถยื่นร้องเรียนไปยัง 

  • สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด
  • ดำเนินการฟ้องร้องที่ศาลแรงงาน ตามกฎหมายแรงงาน
  • ในบางกรณีอาจเข้าข่ายอาญาและสามารถดำเนินคดีทางอาญาได้

6.ปกป้องตัวเองและขอคุ้มครองจากการตอบโต้ ตามหลักการแล้ว ผู้ร้องเรียนต้องได้รับการคุ้มครองจากการถูกตอบโต้ เช่น การถูกไล่ออก ถูกลดบทบาท หรือถูกข่มขู่ รวมถึงต้องได้รับการดูแลทางจิตใจตามสมควร

7. สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ปลอดภัย หากเป็น HR หรือผู้มีอำนาจในองค์กร

  • ควรจัดนโยบายด้านการคุกคามทางเพศที่ชัดเจน
  • ควรจัดการอบรมสร้างความตระหนักให้พนักงานทุกระดับ
  • มีกลไกร้องเรียนที่ปลอดภัยและเป็นกลาง
  • ให้การสอบสวนอย่างจริงจังและเป็นธรรม
  • มีมาตรการ คุ้มครองผู้ร้องเรียนและพยาน เพื่อไม่ให้ถูกกลั่นแกล้ง ถูกรังแก หรือกลัวผลกระทบต่ออาชีพการงาน

แม้ว่ามาตรการเหล่านี้มีอยู่ แต่การใช้งานจริงยังพบปัญหา เช่น กลไกร้องเรียนไม่เพียงพอ ผู้ร้องเรียนถูกข่มขู่ หรือไม่มั่นใจว่าจะได้รับการคุ้มครอง 

ผลการสำรวจล่าสุด 

ข้อมูลจากโครงการพัฒนาหลักสูตรและคู่มือแนวปฏิบัติ "ยุติความรุนแรงและการคุกคามทางเพศในที่ทำงาน" ที่ ม.มหิดลเก็บจากกลุมตัวอย่าง 67 สถานประกอบการ ใน 5 อุตสาหกรรมส่งออก ได้แก่ ยานยนต์ อาหารส่งออก สิ่งทอ อิเล็กทรอนิกส์/เครื่องใช้ไฟฟ้า และโรงแรม/ท่องเที่ยว สัมภาษณ์พนักงาน 603 คน ผลสำรวจพบว่า

  • ร้อยละ 44.4 ของพนักงานเคยถูกละเมิดหรือคุกคามทางเพศ
  • กลุ่มหลากหลายเพศ เผชิญการคุกคามสูงสุดถึงร้อยละ 60.2
  • ผู้หญิงเผชิญการคุกคามร้อยละ 45.9 และผู้ชายร้อยละ 33.9
  • กลุ่มอายุ 20–24 ปี เป็นช่วงวัยที่เผชิญความเสี่ยงมากที่สุด ร้อยละ 57.6
  • พฤติกรรมที่พบบ่อย ได้แก่ การล้อเลียนรูปร่างหน้าตา ร้อยละ 27.2 การแซวหรือหยอกล้อส่อทางเพศ (ร้อยละ 16.4 การถูกลูบคลำแตะเนื้อต้องตัว ร้อยละ 9.5 และคำพูดแทะโลม ร้อยละ 9.1

ด้านมาตรการภายในองค์กร พบว่า

  • ประมาณร้อยละ 45.4 ของพนักงานกล่าวว่าสถานประกอบการของตนไม่มีมาตรการป้องกันเรื่องคุกคามทางเพศที่ชัดเจน
  • ร้อยละ 41.6 บอกว่าองค์กรไม่เคยจัดการอบรมหรือรณรงค์เรื่องนี้แก่พนักงาน
  • พนักงานที่เคยถูกละเมิดส่วนใหญ่มัก "หลีกเลี่ยงผู้กระทำ" ร้อยละ 49.6 มากกว่าจะใช้กลไกร้องเรียนที่มีอยู่
  • ข้อมูลเชิงคุณภาพ เมื่อมีการรายงาน ผู้นำหรือองค์กรมักจัดการโดยการ "ไล่ออก" เป็นการแก้ไขปลายเหตุ ซึ่งไม่เพียงพอ และผู้ถูกร้องเรียนหรือผู้ร้องเรียนมักถูกข่มขู่หรือรู้สึกไม่ปลอดภัยหากจะแจ้งเหตุการณ์

ทั้งนี้ ผลสำรวจของมหิดลแสดงให้เห็นว่าเกือบครึ่งหนึ่งของพนักงานในอุตสาหกรรมส่งออก ถูกคุกคามทางเพศอย่างน้อยหนึ่งรูปแบบ และกลุ่มที่เสี่ยงที่สุดคือกลุ่มหลากหลายเพศ ผู้หญิง และผู้ที่อายุ 20-24 ปี ในขณะที่มาตรการภายในองค์กรยังไม่เข้มแข็งพอ มาตรฐานกฎหมายและคู่มือมีอยู่แล้ว แต่การปฏิบัติจริงในหลายองค์กรยังไม่ครอบคลุม ต้องเดินหน้าเสริมสร้างกลไกที่เชื่อถือได้ การคุ้มครอง และการยอมรับว่าเป็นเรื่องสำคัญของวัฒนธรรมองค์กรและสังคมเพื่อ "ยุติความรุนแรงและการคุกคามทางเพศในที่ทำงาน"

ที่มาข้อมูล : คู่มือมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศในการทำงานพ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2551แนวปฏิบัติเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศในการทำงาน มหาวิทยาลัยเชียงใหม

อ่านข่าวอื่น :

ผลชันสูตรชายถูกสิงโตขย้ำเสียชีวิต แพทย์สันนิษฐานสัตว์มีเจตนามุ่งทำร้ายเท่านั้น

กลาโหม ยันยังไม่เปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชาตอนนี้ แค่เตรียมการในอนาคต