จับตาเส้นทางโลจิสติกส์เมืองกาญจน์-ทวาย ครม.สัญจรเตรียมทุ่มงบฯ รองรับ “ท่าเรือน้ำลึก”
ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้มีการจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ หรือ ครม.สัญจร ครั้งที่ ๔ ระหว่างวันที่ 19 – 20 พฤษภาคม 2555 ณ จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งกำลังจะกลายเป็นจังหวัดเชื่อมโยงการขนส่งไปสู่โครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกทวาย ประเทศพม่า ทำให้ไทยเป็นที่จับตามองในบทบาทการเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ (Logistics Hub) ในประชาคมอาเซียน
ด้านคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทยก็ได้เตรียมข้อเสนอเพื่อส่งเสริมการพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคตะวันตก ต่อที่ประชุมครม.สัญจร โดยมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ซึ่งประกอบด้วยข้อเสนอ 6 เรื่อง ได้แก่ การเร่งรัดการพัฒนาเส้นทางเชื่อมโยงภาคตะวันตก, การเตรียมความพร้อมรองรับการพัฒนาโครงการท่าเรือน้ำลึกทวายและการเชื่อมโยงระเบียบเศรษฐกิจ, การส่งเสริมและอำนวยความสะดวกการค้าชายแดนและการค้าข้ามแดน ไทย-พม่า, โครงการลดการสูญเสียในวงจรการผลิต โดยว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาทำโรงงานต้นแบบในกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง, การส่งเสริมและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในกลุ่มภาคกลางตอนล่าง และการเร่งรัดการดำเนินงานโครงการถนนท่องเที่ยวเลียบชายฝั่งทะเลด้านตะวันตกของอ่าวไทย
นางเนตรปรียา ชุมไชโย ผู้อำนวยการสำนักโลจิสติกส์การค้า กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ไทยพีบีเอสว่า ประเทศไทยถือว่ามีความพร้อมมากที่สุดในการเป็นศูนย์กลางทางโลจิสติกส์ เนื่องจากมีความพร้อมด้านระบบขนส่งและสาธารณูปโภค ไม่ว่าจะเป็นทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ ซึ่งไทยถือว่าเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางอากาศในภูมิภาคอาเซียนอยู่แล้ว ในส่วนของท่าเรือแหลมฉบังก็มีความพร้อมสูงที่จะรองรับการขนส่งจากท่าเรือน้ำลึกทวาย เนื่องจากเป็นท่าเรือขนาดใหญ่และยังสามารถขยายพื้นที่ออกไปได้อีกด้วย
ในปัจจุบันประเทศไทยมีถนนตัดขวาง 2 สายหลักที่เชื่อมผ่านกาญจนบุรีไปสู่พม่า สายแรกคือ ถนนสายR9 โดยเริ่มจากเมืองดานัง ประเทศเวียดนาม ผ่านลาว เข้ามาในประเทศไทยและออกไปยังพม่า บริเวณเมืองเมาะละแหม่ง และถนนขนานอีกสายหนึ่งที่อยู่เส้นล่าง นั่นคือถนนสายR1 ซึ่งเข้ามาจากเวียดนามตอนใต้ ตัดเข้าสู่กัมพูชาเพื่อผ่านเข้าบางใหญ่ นนทบุรีไปยังกาญจนบุรี จนถึงโป่งน้ำร้อนและตรงเข้าสู่ท่าเรือน้ำลึกทวาย การใช้เส้นทางถนนดังกล่าวจะสามารถประหยัดเวลาในการขนส่งได้มาก เนื่องจากไม่ต้องส่งสินค้าทางเรือซึ่งต้องไปอ้อมบริเวณช่องแคบมะละกา แต่ก็ต้องคำนึงว่า การส่งสินค้าทางบกจะมีต้นทุนสูงกว่าทางน้ำ อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยก็ยังคงเป็นจุดภูมิศาสตร์ของการขนส่งทั้งทางบกและทางน้ำ
สำหรับการใช้พลังงานเพื่อการขนส่ง เป็นที่น่าภาคภูมิใจว่าผู้ประกอบการโลจิสติกส์ไทยมีความตื่นตัวในการประหยัดพลังงานอย่างมาก และประเทศไทยก็มีการใช้ก๊าซธรรมชาติเอ็นจีวีเพื่อการขนส่งมากที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบว่าไทยมีต้นทุนการขนส่งทางบกในราคาถูกกว่า
ทั้งนี้ผู้อำนวยการสำนักโลจิสติกส์การค้ากล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ประกอบการโลจิสติกส์ไทยมีประสบการณ์มากอยู่แล้วเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน แต่ต้องคำนึงว่าอาเซียนเป็นตลาดขนาดใหญ่ ประเทศคู่ค้ารายใหญ่ของไทย อาทิ จีน อินเดีย ก็มีความตื่นตัวที่จะลงทุนด้านโลจิสติกส์เช่นเดียวกัน ทำให้เกิดความกังวลว่าไทยจะมีคู่แข่งทางการค้าค่อนข้างสูง กรมส่งเสริมการส่งออกก็มีความพยายามที่จะสร้างเสริมภาพลักษณ์ของโลจิสติกส์ไทยให้มีความเข้มแข็งและเป็นมืออาชีพ เพื่อป้องกันการแทรกแซงจากประเทศคู่ค้าดังกล่าว นอกจากนี้ผู้ประกอบการไทยยังต้องปรับวิสัยทัศน์ให้กว้างไกลมากขึ้น เพราะสามารถขยายฐานการผลิตออกไปสู่ประเทศต่างๆในอาเซียนได้ ซึ่งปัจจัยที่จะให้ให้ธุรกิจไทยเติบโตมากขึ้นด้วย
นายนิพัฒน์ เจริญกิจการ ประธานหอการค้าจังหวัดกาญจนบุรี ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวเว็บไซต์ไทยพีบีเอสว่า โครงการเส้นทางโลจิสติกส์เชื่อมต่อกาญจนบุรี-ทวาย จะมีการรองรับการขนส่งทั้งทางรถยนต์ ทางรถไฟและทางอากาศ และส่งเสริมการเปิดด่านถาวรเจดีย์สามองค์ และด่านชายแดนบ้านน้ำพุร้อน จ.กาญจนบุรี ไปสู่เมืองทวาย ซึ่งเคยมีมูลค่าการค้าชายแดนเมื่อ 4 ปีที่แล้วก่อนมีการปิดด่านมากถึง 1,000 ล้านบาทต่อปี หากมีการเปิดด่านอย่างถาวรเพื่อตอบรับโครงการท่าเรือน้ำลึกทวาย คาดว่าไทยจะมีมูลค่าการค้าชายแดนมากขึ้นไม่ต่ำกว่า 5 เท่า
สำหรับปัญหาความขัดแย้งของชนกลุ่มน้อยบริเวณชายแดนไทย-พม่าที่เป็นสาเหตุทำให้ต้องมีการปิดด่านนั้น ล่าสุดชนกลุ่มน้อยได้เข้าเจรจากับรัฐบาลพม่าเรียบร้อยแล้ว และมีการเลี้ยงฉลองระหว่างชนกลุ่มน้อยกับทหารพม่าที่ด่านเจดีย์สามองค์ แสดงถึงความสัมพันธ์อันดีที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนได้เข้าร่วมในพื้นที่เศรษฐกิจดังกล่าว ซึ่งจะส่งผลถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจของทั้งไทยและพม่า
นายนิพัฒน์ เจริญกิจการ กล่าวเพิ่มเติมว่า มีความพร้อมในการแก้ปัญหาด้านผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ที่เกิดจากการพัฒนาเส้นทางขนส่งกาญจนบุรี-ทวาย โดยจะกันพื้นที่เขตอนุรักษ์บริเวณส่วนบนของกาญจนบุรีเอาไว้ ทั้งในส่วนอำเภอทองผาภูมิและสังขละบุรี ซึ่งบริเวณที่จะสร้างเส้นทางคมนาคมจะอยู่ในส่วนพื้นที่ตัวเมืองเท่านั้น
นอกจากนี้ประธานหอการค้าจังหวัดกาญจนบุรีได้กล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลไทยต้องเร่งออกมาตรการส่งเสริมการค้า ผลักดันการเปิดด่านถาวรและเปิดประเทศโดยเร็ว หากจะรอให้ถึงปี 2558 ที่จะเข้าสู่ประชาคมอาเซียนคงไม่ทันการณ์ อาจทำให้ไทยต้องเสียโอกาสทางการค้าได้
ขอบคุณภาพจาก : www.daweidevelopment.com