อินโดฯ ตัดสินจำเลยคนสุดท้ายในคดีระเบิดบาหลีเมื่อ 10 ปีก่อน
ศาลแขวงจาการ์ต้าภาคตะวันตก ซึ่งเป็นศาลชั้นต้นของอินโดนีเซียพิพากษาว่า นายอูมาร์ ปาเต๊ค หรือมีชื่อจริงว่านายฮิสยัม บิน อาลีเซน ชาวอินโดนีเซีย อายุ 45 ปี ซึ่งเป็นจำเลยคนสำคัญของคดีก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตายไนท์คลับคลับบนเกาะบาหลีเมื่อ 10 ปีก่อนนั้นมีความผิดจริงตามฟ้อง คือประกอบระเบิดที่ถูกนำไปใช้ในเหตุการณ์ระเบิดสถานบันเทิงบนเกาะบาหลีเมื่อปี พ.ศ. 2545 โดยนายอูมาร์ มีฉายาว่า คนมหาประลัย เนื่องจากมีความชำนาญในการประกอบระเบิด
เหตุระเบิดครั้งนั้นนับได้ว่าร้ายแรงที่สุดของการโจมตีจากกลุ่มก่อการร้ายในอินโดนีเซีย โดยเมื่อคืนวันเสาร์ที่ 12 ตุลาคม สมาชิกกลุ่มเจมาห์อิสรามิยาห์คนหนึ่งได้ก่อเหตุฆ่าตัวตายภายในไนท์คลับที่คับคั่งไปด้วยนักท่องเที่ยว และเมื่อผู้คนที่ยังรอดชีวิตวิ่งหนีออกมาด้านนอก รถยนต์บรรทุกระเบิดคันหนึ่งซึ่งจอดรออยู่ด้านหน้าได้ถูกจุดชนวนซ้ำตามมา โดยเหตุการณ์นี้มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 202 คน รวมถึงชาวออสเตรเลีย 88 คน และชาวอเมริกัน 7 คน
นายอูมาร์ยอมรับว่าเป็นผู้ประกอบระเบิด แต่ไม่รู้ว่ากลุ่มเจมาห์อิสรามิยาห์ ซึ่งมีสายสัมพันธ์กับเครือข่ายก่อการร้ายอัลกออิดะห์ และเขาเป็นสมาชิกอยู่ด้วยจะนำมาใช้โจมตีแบบนี้ นอกจากนี้ ศาลยังได้ตัดสินนายอูมาร์รวมไปกับคดีระเบิดโบสถ์คริสต์ในอินโดนีเซียเมื่อปี พ.ศ. 2533 อย่างไรก็ตาม ทั้งชาวคริสต์ และเจ้าหน้าที่อินโดนีเซียต่างเชื่อว่านายอูมาร์ไม่ต้องการฆ่านักท่องเที่ยวแบบนี้ แต่ไม่สามารถขัดขืนแกนนำกลุ่มที่มีอาวุโสกว่า
นายอูมาร์ออกจากเกาะบาหลีก่อนที่เหตุระเบิดจะเกิดขึ้น จากนั้นก็ใช้เวลา 9 ปีในการหลบหนีไปอยู่ฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของภรรยา โดยนายอูมาร์ถูกขับกุมตัวได้ในเมืองเดียวกันกับที่นายโอซามะห์ บิน ลาดิน หัวหน้าเครือข่ายก่อการร้ายอัลกออิดะห์ จะถูกสังหารต่อมาในปากีสถาน ทั้งนี้ นายอูมาร์นับว่าเป็นจำเลยสำคัญคนสุดท้ายในคดีระเบิดบนเกาะบาหลีเมื่อ 10 ปีก่อน