ขับรถย้อนศรละเมิดกฎจราจรอ้างที่กลับรถไกลเพื่อความสะดวก

ภาพที่เห็นกันจนชินตาสำหรับผู้ใช้รถใช้ถนน ย่านวิภาวดีรังสิต ที่มักจะเห็นรถจักรยานยนต์ หรือแม้แต่รถยนต์ขับรถย้อนศรเพื่อเข้าซอย แม้บางซอยจะสามารถทะลุถึงกันได้ แต่ส่วนใหญ่เลือกที่จะละเมิดกฎหมายจราจรแทน โดยอ้างว่าเส้นทางในซอย อ้อม และไกล รวมทั้งมีลูกระนาดค่อนข้างมาก ทำให้เกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกันอยู่บ่อยครั้ง

รถจักรยานยนต์หลายคันเลือกความสะดวก หากต้องออกจากซอยแยกถนนวิภาวดี 60 แม้ต้องเสี่ยงกับรถที่วิ่งสวนทางในเส้นทางปกติ บางคันเสี่ยงกับการหลบหลีกรถเมล์ที่เข้าป้ายจอด หรือ บางคัน อาจต้องหลบรถยนต์ที่กำลังจะเลี้ยวเข้าปั้มน้ำมัน ไม่เพียงแต่ความเสี่ยงที่ต้องวิ่งให้ติดไหล่ทางป้องกันอันตรายแล้ว แต่รถวิ่งสวนทาง บางคัน ยิ่งเพิ่มอันตรายให้กับตัวเอง และผู้ที่นั่งซ้อนท้ายมากขึ้น นั่นคือการไม่สวมหมวกนิรภัย

ไม่ต่างจากรถจักรยานต์คันนี้ ที่เลือกวิธีการขับขี่ย้อนเส้นทางไปหลาย 100 เมตร เพื่อเลือกความสะดวก มากกว่าเลือกความปลอดภัย

รถจักรยานยนต์รับจ้าง ยอมรับว่า ทุกวันพวกเขาต้องขี่รถจักรยานยนต์ย้อนศรวันละกว่า 20 เที่ยว เพื่อรับส่งผู้โดยสาร แม้ยอมรับว่าการขับขี่ย้อนศรจะอันตราย และผิดกฎหมาย แต่ระยะทางจุดกลับรถที่ไกล และ เพื่อให้สะดวกกับผู้โดยสาร ทำให้ต้องเลือกใช้วิธีนี้เพื่อความสะดวกและประหยัดน้ำมันแทน

เช่นเดียวกับ น.ส.สุนทรีพร ละมุนมอญ ที่ทำงานอยู่ภายในซอยวิภาวดี 54 เป็นคนหนึ่งที่ยอมรับว่า เธอเลือกจะขับขี่รถย้อนศร หลายร้อยเมตร เพื่อกลับที่พักภายในซอยวิภาวดี 60 ทุกวัน และเธอมองว่าหากที่กลับรถอยู่ไกล การแก้ปัญหาที่ดีที่สุด คือเปลี่ยน หรือ เพิ่มทางเท้าเป็นเลนรถจักรยานยนต์

แม้ผู้ใช้รถจักรยานยนต์ เชื่อว่า เพราะถนนที่ไม่เอื้ออำนวย จึงต้องยอมทำผิดกฏหมายจราจร แต่ความเห็นของผู้ใช้รถยนต์ร่วมทาง ไม่เห็นด้วยการวิธีนี้ เพราะอันตรายมีมากกว่าความสะดวก และหลายครั้งก็เกือบกลายเป็นอุบัติเหตุ

วันนี้ (1 ก.ค.) ทีมข่าวทดลองนับจำนวนรถจักรยานยนต์ที่ขับขี่ย้อนศร ริมถนนวิภาวดีรังสิค สุ่มตัวอย่างที่หน้าสถานีโทรทัศนืไทยพีบพีเอส เพียงครึ่งชั่วโมง พบว่ามีรถจักรยานยนต์ย้อนขี่ย้อนศร กว่า 50 คัน และรถยนต์ 2 คัน แต่เมื่อตรวจสอบจุดสะพานกลับรถบนถนนวิภาวดีรังสิต ตั้งแต่แยกหลักสี่ พบว่า ฝั่งขาเข้ามีสะพานกลับรถเพียง 2 จุดเท่านั้น คือ หน้ากองบัญชาการศึกษา และห้าแยกลาดพร้าว ส่วนฝั่งขาออก มีสะพานกลับรถ 3 จุด คือ เส้นรัชวิภา แยกเกษตรศาสตร์ และที่หน้าอาคารเจ๊เล้งใกล้แยกหลักสี่เท่านั้น ซึ่งแต่ละจุดห่างกันค่อนข้างมาก เฉลี่ยราว 5 กิโลเมตร

เมื่อทดลองจับเวลาจากสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ขึ้นสะพานกลับรถที่หน้ากองบัญชาการศึกษา ซึ่งเป็นจุดที่ใกล้ที่สุด และขึ้นสะพานกลับรถอีกครั้ง ที่แยกหลักสี่ ใช้ความเร็วที่ 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ต้องใช้เวลาราว 15 นาที ต่างกับการขี่รถย้อนศร ที่ระยะทางใกล้เคียงกัน แต่พบว่าใช้เวลาเพียง 5 นาที

แต่นี่คงไม่ใช่สาเหตุเพียงอย่างเดียวที่ทำให้ผู้ที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ส่วนใหญ่เลือกวิธีขับรถย้อนศรริมถนนวิภาวดีรังสิต แต่ความเคยชิน และความสะดวกสบาย ยังคงเป็นคำตอบหลักที่หลายคนยอมรับ