“กางเกงช้าง” เป็นกางเกงลำลอง กลายเป็นเสื้อผ้ายอดนิยมทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ โด่งดังไปทั่วโลกจนถูกขนานนามว่าเป็นซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) ของประเทศไทย ซื้อใส่กันทั่วบ้านทั่วเมือง
แต่กลับพบว่า "กางเกงช้าง" บางส่วนถูกนำเข้ามาจากประเทศจีน เพื่อนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย โดยมีทั้งแบบขายส่งและแบบขายปลีกในราคาถูก จนเกิดเป็นกระแสวิจารณ์ว่า เป็นการ “ละเมิดลิขสิทธิ์กางเกงช้างไทย” หรือไม่ และภาครัฐจะจัดการอย่างไรกับเรื่องนี้
ไทยพีบีเอสลงพื้นที่สำรวจแหล่งค้าขายกางเกงช้าง ย่านใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ซึ่งพบว่ากางเกงช้างมีหลากหลายแบบ ทั้งแบบที่ผลิตโดยฝีมือคนไทยและผลิตจากประเทศจีน แม้สภาพภายนอกจะดูเหมือนกันมาก แต่เมื่อสังเกตดี ๆ จะเห็นความแตกต่างของรายละเอียดอย่างชัดเจน
“โอ้ยมาช่วยทำข่าวป้าหน่อย กางเกงช้างจากจีนตัดราคาไปหมดแล้ว”
เสียงตะโกนจากคุณป้าแม่ค้า (ไม่ขอเปิดเผยตัวตน) ทันทีที่เห็นกล้องของช่างภาพ ขณะลงพื้นที่สำรวจกางเกงช้างจีนเกลื่อนตลาดย่านกลางเมืองชื่อดัง
“กางเกงช้างจีน เริ่มต้นที่ 35 บาท ช้างไทยเราเริ่มที่ 100 และผ้าเราดีกว่าแค่ไหน แต่เจอราคาถูกปาดหน้าไปหมด”
คุณป้าแม่ค้าเริ่มบรรยายถึงความเสียเปรียบทางด้านราคา แต่คุณภาพของผ้านั้น คุณป้าแม่ค้ารับประกันเรื่องความนุ่มสบายกว่ามาก
4 วิธีสังเกต “กางเกงช้างไทย - กางเกงช้างจีน” แตกต่างกันอย่างไร ?
จากการลงพื้นที่สำรวจที่ผ่านมานั้น ไทยพีบีเอส ขอแนะ 4 วิธีสังเกตกางเกงช้างแบบไหนคือ ของไทย แบบไหนของจีน แม้สามารถสังเกตเบื้องต้นได้จากป้ายบอก Made in Thailand หรือ Made in China ก็ตาม ดังนี้
1. กางเกงช้างไทย จะเป็น "ลายช้างยืน" ขาตรง สมส่วน เรียงต่อกันเป็นแถวตรง ส่วนจีน ช้างคว่ำบ้าง หงายบ้าง นอนบ้าง
2. เนื้อผ้าต่างกัน ของไทย มี 2 เนื้อ คือเนื้อสปัน หรือเรยอน มีคุณสมบัติพลิ้ว เบา กับผ้าไหมอิตาลีอย่างดี ส่วนจีน จะเป็นผ้ายืด ผ้าหนังไก่ นุ่ม ๆ
3. การตัดเย็บต่างกัน ของไทย เดินตะเข็บคู่ ทนทาน ส่วนของจีน ตะเข็บเดี่ยว ใช้งานต้องเบามือ
4. เรื่องคุณภาพ ต้องให้ผู้บริโภคตัดสินใจเอง แต่ราคากางเกงช้างของไทย 100 - 200 บาท ส่วนของจีน ราคาส่ง 55 - 75 บาท