โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 และกรอบระยะเวลาดำเนินโครงการฯ พร้อมทั้งอนุมัติงบกลาง จำนวน 9,140.35 ล้านบาท ให้กองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมนำมาสมทบกับเงินกองทุนฯ ในการดำเนินการจัดสรรประชารัฐสวัสดิการใหม่
รายงานผลการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียนโครงการฯปี 2565 มีรายละเอียด ดังนี้
สำหรับ โครงการฯ ปี 2565 วงเงินซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค จะได้รับเท่ากันทุกคนและเพิ่มครอบคลุมระบบขนส่งสาธารณะ 8 ประเภท เช่น รถ ขสมก. รถ บขส. รถไฟฟ้า รถสองแถว เรือโดยสาร และขยายสิทธิ์ให้เท่าเทียมกันทุกพื้นที่ รวมทั้งสามารถเฉลี่ยการใช้วงเงินได้กับทุกประเภท รวมทั้งยังกำหนดให้วงเงินค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา ให้เป็นสวัสดิการหลักที่ไม่มีเวลาหมดอายุด้วย โดยกระทรวงการคลัง คาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายเพื่อจัดสรรประชารัฐสวัสดิการใหม่ ปีละ 65,413.80 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายประชารัฐสวัสดิการใหม่ให้กับผู้ถือบัตรที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติตามโครงการแล้ว
ตรวจสอบสถานะการลงทะเบียน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รอบใหม่ ในวันที่ 1 มีนาคม 2566 ผู้ลงทะเบียนที่มีสถานะการลงทะเบียนสมบูรณ์สามารถตรวจสอบผลการพิจารณาคุณสมบัติได้ 3 ช่องทาง ดังนี้
กรณีผู้ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติ ให้ทำดังนี้
เดินทางไปยืนยันตัวตนผ่าน 3 หน่วยงาน ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย / ธนาคารออมสิน / ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์เกษตร (ธ.ส.ก.) ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป
กรณี ไม่ผ่าน คุณสมบัติการพิจารณาคุณสมบัติ ให้ทำดังนี้
หลังจากยื่นอุทธรณ์แล้ว ผู้ไม่ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติต้องติดต่อหน่วยงานตรวจสอบคุณสมบัติไม่ผ่าน เพื่อตรวจสอบ/ขอแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้องให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 1 พฤษภาคม 2566 อุทธรณ์ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป และต้องแก้ไขให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 1 พฤษภาคม 2566
ที่มา : มติคณะรัฐมนตรี 28 กุมภาพันธ์ 2566
โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 และกรอบระยะเวลาดำเนินโครงการฯ พร้อมทั้งอนุมัติงบกลาง จำนวน 9,140.35 ล้านบาท ให้กองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมนำมาสมทบกับเงินกองทุนฯ ในการดำเนินการจัดสรรประชารัฐสวัสดิการใหม่
รายงานผลการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียนโครงการฯปี 2565 มีรายละเอียด ดังนี้
สำหรับ โครงการฯ ปี 2565 วงเงินซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค จะได้รับเท่ากันทุกคนและเพิ่มครอบคลุมระบบขนส่งสาธารณะ 8 ประเภท เช่น รถ ขสมก. รถ บขส. รถไฟฟ้า รถสองแถว เรือโดยสาร และขยายสิทธิ์ให้เท่าเทียมกันทุกพื้นที่ รวมทั้งสามารถเฉลี่ยการใช้วงเงินได้กับทุกประเภท รวมทั้งยังกำหนดให้วงเงินค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา ให้เป็นสวัสดิการหลักที่ไม่มีเวลาหมดอายุด้วย โดยกระทรวงการคลัง คาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายเพื่อจัดสรรประชารัฐสวัสดิการใหม่ ปีละ 65,413.80 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายประชารัฐสวัสดิการใหม่ให้กับผู้ถือบัตรที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติตามโครงการแล้ว
ตรวจสอบสถานะการลงทะเบียน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รอบใหม่ ในวันที่ 1 มีนาคม 2566 ผู้ลงทะเบียนที่มีสถานะการลงทะเบียนสมบูรณ์สามารถตรวจสอบผลการพิจารณาคุณสมบัติได้ 3 ช่องทาง ดังนี้
กรณีผู้ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติ ให้ทำดังนี้
เดินทางไปยืนยันตัวตนผ่าน 3 หน่วยงาน ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย / ธนาคารออมสิน / ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์เกษตร (ธ.ส.ก.) ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป
กรณี ไม่ผ่าน คุณสมบัติการพิจารณาคุณสมบัติ ให้ทำดังนี้
หลังจากยื่นอุทธรณ์แล้ว ผู้ไม่ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติต้องติดต่อหน่วยงานตรวจสอบคุณสมบัติไม่ผ่าน เพื่อตรวจสอบ/ขอแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้องให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 1 พฤษภาคม 2566 อุทธรณ์ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป และต้องแก้ไขให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 1 พฤษภาคม 2566
ที่มา : มติคณะรัฐมนตรี 28 กุมภาพันธ์ 2566