The Moon รหัสลับสีแห่งจันทรา ไขปริศนา "สี" ที่แท้จริงของดวงจันทร์

The Moon รหัสลับสีแห่งจันทรา ไขปริศนา "สี" ที่แท้จริงของดวงจันทร์

8 ก.ย. 68

"ดวงจันทร์" เป็นเพียงวัตถุท้องฟ้าที่ไม่มีแสงในตัว สีที่เห็นบน #ดวงจันทร์ ไม่ได้เกิดจากพื้นผิวของดวงจันทร์โดยตรง แต่เป็นผลจากปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์และชั้นบรรยากาศของโลก ซึ่งแสงสว่างที่เห็นมาจากแสงอาทิตย์ที่สะท้อนกลับจากพื้นผิวของดวงจันทร์และเข้าสู่ดวงตาของมนุษย์ ทำให้มองเห็นดวงจันทร์เป็นสีต่าง ๆ ซึ่งแต่ละสีมีที่มาแตกต่างกัน

 

สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสีที่แท้จริงของดวงจันทร์ โดยระบุว่า สีที่เห็นบนดวงจันทร์ไม่ได้เกิดจากพื้นผิวของดวงจันทร์โดยตรง แต่เป็นผลจากปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์และชั้นบรรยากาศของโลก ที่ส่งผลต่อการมองเห็น

 

"ดวงจันทร์" เป็นเพียงวัตถุท้องฟ้าที่ไม่มีแสงในตัว แสงสว่างที่เห็นมาจากแสงอาทิตย์ที่สะท้อนกลับจากผิวดวงจันทร์เข้าสู่ดวงตาของมนุษย์ ซึ่งแต่ละสีแตกต่างกัน

 

ดวงจันทร์สีขาว

 

“ดวงจันทร์สีขาว” ไปจนถึง “สีเทาอ่อน” คือภาพที่คุ้นเคยกันมากที่สุด มักเห็นได้ชัดเมื่อดวงจันทร์โผล่ขึ้นสูงจากขอบฟ้าระดับหนึ่งหรือเกือบกลางศีรษะในคืนฟ้าใสไร้เมฆ แสงจากดวงอาทิตย์ที่สะท้อนกลับมาจึงไม่ถูกรบกวนจากบรรยากาศมากนัก ทำให้ดวงจันทร์ดูเป็นสีขาวนวล โดยเฉพาะในช่วงดวงจันทร์ใกล้เต็มดวงหรือเต็มดวง แสงสว่างที่ส่องออกมาจะยิ่งขับให้ความขาวของดวงจันทร์เด่นชัดและสวยงามมากขึ้น

 

ดวงจันทร์สีส้มและสีเหลือง

 

ดวงจันทร์สีส้มและสีเหลือง มักปรากฏให้เห็นเมื่อดวงจันทร์อยู่ใกล้ขอบฟ้า เนื่องจากแสงจากดวงจันทร์ต้องเดินทางผ่านชั้นบรรยากาศโลกในระยะทางที่ยาวกว่าตอนอยู่กลางศีรษะ ระหว่างทาง แสงสีฟ้าถูกกระเจิงออกไป จึงเหลือเพียงแสงโทนเหลืองถึงส้มที่เดินทางมาถึงดวงตาของเรา ทำให้ดวงจันทร์ดูอุ่นนวลราวกับดวงโคมไฟบนท้องฟ้านั่นเอง

 

ดวงจันทร์สีแดงอิฐ

 

ดวงจันทร์สีแดงอิฐ หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ #BloodMoon จะเกิดขึ้นเฉพาะช่วงที่ดวงจันทร์เต็มดวงเคลื่อนเข้าสู่เงามืดของโลก หรือที่เรียกว่า #จันทรุปราคาเต็มดวง เท่านั้น เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก แต่ก็เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่สามารถคำนวณการเกิดล่วงหน้าได้

 

สาเหตุที่ดวงจันทร์ไม่มืดดับหายไปขณะอยู่ในเงามืดของโลก แต่กลับปรากฏเป็นสีแดงอิฐ ก็เพราะว่าแท้จริงแล้วเงาของโลกไม่ได้มืดสนิท เมื่อแสงของดวงอาทิตย์ตกกระทบโลก ทำให้เกิดเงาทอดยาวไปในทิศทางตรงข้าม และเมื่อแสงผ่านชั้นบรรยากาศโลกจะเกิดการกระเจิงและหักเห แสงที่มีความยาวคลื่นสั้น เช่น สีฟ้า จะถูกกรองออกไป เหลือเพียงแสงสีแดงที่มีความยาวคลื่นยาวที่สุด หักเหเข้าไปในเงามืดของโลก เมื่อแสงสีแดงตกกระทบบนดวงจันทร์ แล้วสะท้อนกลับมายังโลก ทำให้เรามองเห็นดวงจันทร์เรืองรองเป็นสีแดงอิฐบนท้องฟ้าในช่วงจันทรุปราคาเต็มดวง

 

ดวงจันทร์สีเทาดำ

 

ก่อนหน้านี้ สีต่าง ๆ ของดวงจันทร์ที่มองเห็น ล้วนเกิดจากการมองผ่านชั้นบรรยากาศของโลก แต่หากได้ออกไปสังเกตดวงจันทร์จากอวกาศโดยตรง สีที่เห็นจริง ๆ จะเป็น “สีเทาดำ”

 

ทั้งนี้ พื้นผิวของดวงจันทร์ประกอบด้วยหินและฝุ่นที่ไม่มีสีสดใส ส่วนใหญ่มีเฉดสีตั้งแต่เทาอ่อนไปจนถึงเทาเข้ม ประกอบกับภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยหลุมอุกกาบาตและพื้นผิวขรุขระ ทำให้ดวงจันทร์สะท้อนแสงได้ไม่ดีนัก เมื่อมองจากอวกาศจึงเห็นเป็นสีเทาเข้มอย่างชัดเจน หลายคนอาจเข้าใจว่าดวงจันทร์ควรจะมีสีเทาอ่อนหรือเกือบขาว แต่เมื่อวัดค่าการสะท้อนแสง หรือ ค่าอัลบีโด (Albedo) จะพบว่ามีค่าเฉลี่ยเพียงประมาณ 12% หรือใกล้เคียงกับสีของถนนยางมะตอย

 

สาเหตุที่มองเห็นดวงจันทร์สว่างกว่าความเป็นจริง คือ ดวงจันทร์ตั้งอยู่ท่ามกลางความมืดมิดของท้องฟ้า โดยไม่มีวัตถุอื่นที่เด่นชัดให้เปรียบเทียบ สมองของเราจึงตีความว่ามันสว่างกว่าความเป็นจริง คล้ายกับการดูภาพถ่ายขาวดำที่มีเพียงวัตถุสีขาวอยู่หนึ่งเดียวในเฟรม ซึ่งยิ่งทำให้วัตถุนั้นดูขาวสว่างเกินจริงในสายตาเรา

 

 

ดวงจันทร์สีน้ำเงิน

 

บลูมูน (Blue Moon) ไม่ได้หมายถึงดวงจันทร์สีน้ำเงิน แต่ในทางดาราศาสตร์หมายถึง ดวงจันทร์เต็มดวงครั้งที่ 2 ของเดือน ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก

 

ปกติดวงจันทร์จะใช้เวลาเปลี่ยนเฟสข้างขึ้น-ข้างแรม เป็นระยะเวลาประมาณ 29.5 วัน ขณะที่เดือนในปฏิทินที่เราใช้มี 30-31 วัน ทำให้บางเดือนมีโอกาสที่ดวงจันทร์เต็มดวงถึง 2 ครั้ง คือช่วงต้นเดือนและปลายเดือน ซึ่งนานทีจะเกิดขึ้น จึงเป็นที่มาของสำนวนภาษาอังกฤษ “Once in a blue moon” ที่หมายถึง สิ่งที่เกิดขึ้นได้ยากหรือเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก

 

ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า ดวงจันทร์ที่จะปรากฏให้เราเห็นเป็นสีน้ำเงินนั้น “ไม่มีอยู่จริง”

 

ดวงจันทร์สีชมพู

 

พิงก์มูน (Pink Moon) ไม่ได้หมายถึงดวงจันทร์สีชมพู แต่เป็น 1 ใน 12 ชื่อดวงจันทร์เต็มดวงที่ชนเผ่าพื้นเมืองอเมริกันตั้งขึ้นเพื่อให้เป็นตัวแทนของฤดูกาลที่จะมาเยือนแต่ละเดือน และพิงก์มูนเป็นตัวแทนของ “เดือนเมษายน” ที่ท้องทุ่งต่างๆ จะเต็มไปด้วยสีชมพูของดอกฟล็อกซ์ (Phlox) นั่นเอง เพราะฉะนั้นจึงเป็นแค่ชื่อเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าเดือนเมษายนจะเห็นดวงจันทร์เต็มดวงเป็นสีชมพู

 

แล้วคุณล่ะ ? เคยเห็นดวงจันทร์เป็นสีอะไรกันบ้าง

 

ที่มา : สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.)


 

The Moon รหัสลับสีแห่งจันทรา ไขปริศนา "สี" ที่แท้จริงของดวงจันทร์

8 ก.ย. 68

"ดวงจันทร์" เป็นเพียงวัตถุท้องฟ้าที่ไม่มีแสงในตัว สีที่เห็นบน #ดวงจันทร์ ไม่ได้เกิดจากพื้นผิวของดวงจันทร์โดยตรง แต่เป็นผลจากปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์และชั้นบรรยากาศของโลก ซึ่งแสงสว่างที่เห็นมาจากแสงอาทิตย์ที่สะท้อนกลับจากพื้นผิวของดวงจันทร์และเข้าสู่ดวงตาของมนุษย์ ทำให้มองเห็นดวงจันทร์เป็นสีต่าง ๆ ซึ่งแต่ละสีมีที่มาแตกต่างกัน

 

สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสีที่แท้จริงของดวงจันทร์ โดยระบุว่า สีที่เห็นบนดวงจันทร์ไม่ได้เกิดจากพื้นผิวของดวงจันทร์โดยตรง แต่เป็นผลจากปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์และชั้นบรรยากาศของโลก ที่ส่งผลต่อการมองเห็น

 

"ดวงจันทร์" เป็นเพียงวัตถุท้องฟ้าที่ไม่มีแสงในตัว แสงสว่างที่เห็นมาจากแสงอาทิตย์ที่สะท้อนกลับจากผิวดวงจันทร์เข้าสู่ดวงตาของมนุษย์ ซึ่งแต่ละสีแตกต่างกัน

 

ดวงจันทร์สีขาว

 

“ดวงจันทร์สีขาว” ไปจนถึง “สีเทาอ่อน” คือภาพที่คุ้นเคยกันมากที่สุด มักเห็นได้ชัดเมื่อดวงจันทร์โผล่ขึ้นสูงจากขอบฟ้าระดับหนึ่งหรือเกือบกลางศีรษะในคืนฟ้าใสไร้เมฆ แสงจากดวงอาทิตย์ที่สะท้อนกลับมาจึงไม่ถูกรบกวนจากบรรยากาศมากนัก ทำให้ดวงจันทร์ดูเป็นสีขาวนวล โดยเฉพาะในช่วงดวงจันทร์ใกล้เต็มดวงหรือเต็มดวง แสงสว่างที่ส่องออกมาจะยิ่งขับให้ความขาวของดวงจันทร์เด่นชัดและสวยงามมากขึ้น

 

ดวงจันทร์สีส้มและสีเหลือง

 

ดวงจันทร์สีส้มและสีเหลือง มักปรากฏให้เห็นเมื่อดวงจันทร์อยู่ใกล้ขอบฟ้า เนื่องจากแสงจากดวงจันทร์ต้องเดินทางผ่านชั้นบรรยากาศโลกในระยะทางที่ยาวกว่าตอนอยู่กลางศีรษะ ระหว่างทาง แสงสีฟ้าถูกกระเจิงออกไป จึงเหลือเพียงแสงโทนเหลืองถึงส้มที่เดินทางมาถึงดวงตาของเรา ทำให้ดวงจันทร์ดูอุ่นนวลราวกับดวงโคมไฟบนท้องฟ้านั่นเอง

 

ดวงจันทร์สีแดงอิฐ

 

ดวงจันทร์สีแดงอิฐ หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ #BloodMoon จะเกิดขึ้นเฉพาะช่วงที่ดวงจันทร์เต็มดวงเคลื่อนเข้าสู่เงามืดของโลก หรือที่เรียกว่า #จันทรุปราคาเต็มดวง เท่านั้น เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก แต่ก็เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่สามารถคำนวณการเกิดล่วงหน้าได้

 

สาเหตุที่ดวงจันทร์ไม่มืดดับหายไปขณะอยู่ในเงามืดของโลก แต่กลับปรากฏเป็นสีแดงอิฐ ก็เพราะว่าแท้จริงแล้วเงาของโลกไม่ได้มืดสนิท เมื่อแสงของดวงอาทิตย์ตกกระทบโลก ทำให้เกิดเงาทอดยาวไปในทิศทางตรงข้าม และเมื่อแสงผ่านชั้นบรรยากาศโลกจะเกิดการกระเจิงและหักเห แสงที่มีความยาวคลื่นสั้น เช่น สีฟ้า จะถูกกรองออกไป เหลือเพียงแสงสีแดงที่มีความยาวคลื่นยาวที่สุด หักเหเข้าไปในเงามืดของโลก เมื่อแสงสีแดงตกกระทบบนดวงจันทร์ แล้วสะท้อนกลับมายังโลก ทำให้เรามองเห็นดวงจันทร์เรืองรองเป็นสีแดงอิฐบนท้องฟ้าในช่วงจันทรุปราคาเต็มดวง

 

ดวงจันทร์สีเทาดำ

 

ก่อนหน้านี้ สีต่าง ๆ ของดวงจันทร์ที่มองเห็น ล้วนเกิดจากการมองผ่านชั้นบรรยากาศของโลก แต่หากได้ออกไปสังเกตดวงจันทร์จากอวกาศโดยตรง สีที่เห็นจริง ๆ จะเป็น “สีเทาดำ”

 

ทั้งนี้ พื้นผิวของดวงจันทร์ประกอบด้วยหินและฝุ่นที่ไม่มีสีสดใส ส่วนใหญ่มีเฉดสีตั้งแต่เทาอ่อนไปจนถึงเทาเข้ม ประกอบกับภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยหลุมอุกกาบาตและพื้นผิวขรุขระ ทำให้ดวงจันทร์สะท้อนแสงได้ไม่ดีนัก เมื่อมองจากอวกาศจึงเห็นเป็นสีเทาเข้มอย่างชัดเจน หลายคนอาจเข้าใจว่าดวงจันทร์ควรจะมีสีเทาอ่อนหรือเกือบขาว แต่เมื่อวัดค่าการสะท้อนแสง หรือ ค่าอัลบีโด (Albedo) จะพบว่ามีค่าเฉลี่ยเพียงประมาณ 12% หรือใกล้เคียงกับสีของถนนยางมะตอย

 

สาเหตุที่มองเห็นดวงจันทร์สว่างกว่าความเป็นจริง คือ ดวงจันทร์ตั้งอยู่ท่ามกลางความมืดมิดของท้องฟ้า โดยไม่มีวัตถุอื่นที่เด่นชัดให้เปรียบเทียบ สมองของเราจึงตีความว่ามันสว่างกว่าความเป็นจริง คล้ายกับการดูภาพถ่ายขาวดำที่มีเพียงวัตถุสีขาวอยู่หนึ่งเดียวในเฟรม ซึ่งยิ่งทำให้วัตถุนั้นดูขาวสว่างเกินจริงในสายตาเรา

 

 

ดวงจันทร์สีน้ำเงิน

 

บลูมูน (Blue Moon) ไม่ได้หมายถึงดวงจันทร์สีน้ำเงิน แต่ในทางดาราศาสตร์หมายถึง ดวงจันทร์เต็มดวงครั้งที่ 2 ของเดือน ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก

 

ปกติดวงจันทร์จะใช้เวลาเปลี่ยนเฟสข้างขึ้น-ข้างแรม เป็นระยะเวลาประมาณ 29.5 วัน ขณะที่เดือนในปฏิทินที่เราใช้มี 30-31 วัน ทำให้บางเดือนมีโอกาสที่ดวงจันทร์เต็มดวงถึง 2 ครั้ง คือช่วงต้นเดือนและปลายเดือน ซึ่งนานทีจะเกิดขึ้น จึงเป็นที่มาของสำนวนภาษาอังกฤษ “Once in a blue moon” ที่หมายถึง สิ่งที่เกิดขึ้นได้ยากหรือเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก

 

ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า ดวงจันทร์ที่จะปรากฏให้เราเห็นเป็นสีน้ำเงินนั้น “ไม่มีอยู่จริง”

 

ดวงจันทร์สีชมพู

 

พิงก์มูน (Pink Moon) ไม่ได้หมายถึงดวงจันทร์สีชมพู แต่เป็น 1 ใน 12 ชื่อดวงจันทร์เต็มดวงที่ชนเผ่าพื้นเมืองอเมริกันตั้งขึ้นเพื่อให้เป็นตัวแทนของฤดูกาลที่จะมาเยือนแต่ละเดือน และพิงก์มูนเป็นตัวแทนของ “เดือนเมษายน” ที่ท้องทุ่งต่างๆ จะเต็มไปด้วยสีชมพูของดอกฟล็อกซ์ (Phlox) นั่นเอง เพราะฉะนั้นจึงเป็นแค่ชื่อเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าเดือนเมษายนจะเห็นดวงจันทร์เต็มดวงเป็นสีชมพู

 

แล้วคุณล่ะ ? เคยเห็นดวงจันทร์เป็นสีอะไรกันบ้าง

 

ที่มา : สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.)