Starship จรวดยักษ์ผู้พามนุษย์สู่ดวงดาว

Starship จรวดยักษ์ผู้พามนุษย์สู่ดวงดาว

4 ต.ค. 68

Starship ของ SpaceX นับเป็นจรวดที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยสร้างมา ออกแบบมาเพื่อบรรทุกทั้งลูกเรือและสัมภาระไปยังวงโคจรโลก ดวงจันทร์ และดาวอังคาร

 

Starship เป็นระบบการขนส่งอวกาศที่ประกอบด้วยยาน Starship (ส่วนบน) และจรวด Super Heavy (ส่วนล่าง) ระบบนี้ออกแบบมาเพื่อขนส่งทั้งลูกเรือและสัมภาระไปยังวงโคจรโลก ดวงจันทร์ ดาวอังคาร และไกลกว่านั้น ขนาดโดยรวมของจรวด ความสูง 123 เมตร และเส้นผ่านศูนย์กลาง 9 เมตร นับเป็นจรวดที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยสร้างมา

 

Starship ไม่ได้เป็นเพียงยานอวกาศ แต่เป็นระบบที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางอวกาศอย่างมหาศาล และเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้การเดินทางในอวกาศเป็นเรื่องปกติเหมือนการเดินทางทางอากาศในอนาคต

 

Super Heavy

เป็นท่อนจรวดท่อนแรกของ Starship ทำหน้าที่ขับดันจรวดทั้งหมดขึ้นจากฐานปล่อย มีจุดเด่นคือถูกออกแบบมาให้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างสมบูรณ์

Super Heavy เป็นจรวดขับดันที่มีแรงขับสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ สามารถสร้างแรงขับได้ถึง 16.7 ล้านปอนด์ ซึ่งมากกว่าจรวด Saturn V ในยุค Apollo ถึง 2 เท่า

 

Starship

ยานอวกาศและเป็นจรวดท่อนที่สอง ซึ่งถูกออกแบบให้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างสมบูรณ์ ยานส่วนนี้มีห้องเก็บสัมภาระที่มีขนาดใหญ่กว่าจรวดลำใดในปัจจุบัน ทำให้สามารถขนส่งดาวเทียมขนาดใหญ่ กล้องโทรทรรศน์อวกาศ และสัมภาระปริมาณมากได้ นอกจากนี้ ความสามารถพิเศษของ Starship คือการเดินทางจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งบนโลก ซึ่งช่วยลดระยะเวลาการเดินทางข้ามทวีปให้เหลือเพียงไม่กี่ชั่วโมง

 

Starship ได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับผู้คนได้ถึง 100 คน สำหรับการเดินทางระยะไกลข้ามดาวเคราะห์ และยังสามารถบรรทุกสัมภาระได้ถึง 100-150 ตัน ในโหมดที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ ซึ่งความสามารถนี้จะช่วยในการตั้งถิ่นฐานบนดวงจันทร์และบนดาวอังคารได้ในอนาคต

 

เครื่องยนต์ Raptor

 

หัวใจหลักที่ขับเคลื่อนทั้งระบบ โดยเป็นเครื่องยนต์ที่เผาไหม้แบบ Methane-oxygen staged-combustion ซึ่งแตกต่างจากจรวดส่วนใหญ่ที่ใช้น้ำมันก๊าด โดยระบบ Starship ทั้งลำจะติดตั้งเครื่องยนต์ Raptor รวมทั้งหมด 33 ตัวสำหรับท่อน Super Heavy และ 6 ตัวสำหรับยาน Starship เครื่องยนต์ Raptor นี้ยังสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้

 

การใช้ก๊าซมีเทนเหลวและออกซิเจนเหลว เป็นเชื้อเพลิงนั้น มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อภารกิจบนดาวอังคาร เนื่องจากสามารถผลิตเชื้อเพลิงทั้ง 2 ชนิด ได้จากทรัพยากรที่มีอยู่บนดาวอังคาร โดยใช้น้ำแข็งและคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศ ทำให้ยาน Starship ที่เดินทางไปถึงสามารถเติมเชื้อเพลิงเพื่อเดินทางกลับโลกได้เองโดยไม่ต้องพึ่งพาการขนส่งจากโลก

 

ที่มา : SpaceX

อ่านต่อบทความต่อได้ที่ www.thaipbs.or.th/now/content/742

Starship จรวดยักษ์ผู้พามนุษย์สู่ดวงดาว

4 ต.ค. 68

Starship ของ SpaceX นับเป็นจรวดที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยสร้างมา ออกแบบมาเพื่อบรรทุกทั้งลูกเรือและสัมภาระไปยังวงโคจรโลก ดวงจันทร์ และดาวอังคาร

 

Starship เป็นระบบการขนส่งอวกาศที่ประกอบด้วยยาน Starship (ส่วนบน) และจรวด Super Heavy (ส่วนล่าง) ระบบนี้ออกแบบมาเพื่อขนส่งทั้งลูกเรือและสัมภาระไปยังวงโคจรโลก ดวงจันทร์ ดาวอังคาร และไกลกว่านั้น ขนาดโดยรวมของจรวด ความสูง 123 เมตร และเส้นผ่านศูนย์กลาง 9 เมตร นับเป็นจรวดที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยสร้างมา

 

Starship ไม่ได้เป็นเพียงยานอวกาศ แต่เป็นระบบที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางอวกาศอย่างมหาศาล และเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้การเดินทางในอวกาศเป็นเรื่องปกติเหมือนการเดินทางทางอากาศในอนาคต

 

Super Heavy

เป็นท่อนจรวดท่อนแรกของ Starship ทำหน้าที่ขับดันจรวดทั้งหมดขึ้นจากฐานปล่อย มีจุดเด่นคือถูกออกแบบมาให้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างสมบูรณ์

Super Heavy เป็นจรวดขับดันที่มีแรงขับสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ สามารถสร้างแรงขับได้ถึง 16.7 ล้านปอนด์ ซึ่งมากกว่าจรวด Saturn V ในยุค Apollo ถึง 2 เท่า

 

Starship

ยานอวกาศและเป็นจรวดท่อนที่สอง ซึ่งถูกออกแบบให้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างสมบูรณ์ ยานส่วนนี้มีห้องเก็บสัมภาระที่มีขนาดใหญ่กว่าจรวดลำใดในปัจจุบัน ทำให้สามารถขนส่งดาวเทียมขนาดใหญ่ กล้องโทรทรรศน์อวกาศ และสัมภาระปริมาณมากได้ นอกจากนี้ ความสามารถพิเศษของ Starship คือการเดินทางจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งบนโลก ซึ่งช่วยลดระยะเวลาการเดินทางข้ามทวีปให้เหลือเพียงไม่กี่ชั่วโมง

 

Starship ได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับผู้คนได้ถึง 100 คน สำหรับการเดินทางระยะไกลข้ามดาวเคราะห์ และยังสามารถบรรทุกสัมภาระได้ถึง 100-150 ตัน ในโหมดที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ ซึ่งความสามารถนี้จะช่วยในการตั้งถิ่นฐานบนดวงจันทร์และบนดาวอังคารได้ในอนาคต

 

เครื่องยนต์ Raptor

 

หัวใจหลักที่ขับเคลื่อนทั้งระบบ โดยเป็นเครื่องยนต์ที่เผาไหม้แบบ Methane-oxygen staged-combustion ซึ่งแตกต่างจากจรวดส่วนใหญ่ที่ใช้น้ำมันก๊าด โดยระบบ Starship ทั้งลำจะติดตั้งเครื่องยนต์ Raptor รวมทั้งหมด 33 ตัวสำหรับท่อน Super Heavy และ 6 ตัวสำหรับยาน Starship เครื่องยนต์ Raptor นี้ยังสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้

 

การใช้ก๊าซมีเทนเหลวและออกซิเจนเหลว เป็นเชื้อเพลิงนั้น มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อภารกิจบนดาวอังคาร เนื่องจากสามารถผลิตเชื้อเพลิงทั้ง 2 ชนิด ได้จากทรัพยากรที่มีอยู่บนดาวอังคาร โดยใช้น้ำแข็งและคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศ ทำให้ยาน Starship ที่เดินทางไปถึงสามารถเติมเชื้อเพลิงเพื่อเดินทางกลับโลกได้เองโดยไม่ต้องพึ่งพาการขนส่งจากโลก

 

ที่มา : SpaceX

อ่านต่อบทความต่อได้ที่ www.thaipbs.or.th/now/content/742