
#ลอยกระทง2568 กลับมาอีกครั้ง พร้อมคำถามคาใจทุกยุคทุกสมัยว่า ถ้าเราอยากจะลอยกระทงสวยๆ เพื่อรักษาทั้งสิ่งแวดล้อม และสืบทอดประเพณีอันงดงามไปพร้อมกัน เราควรจะใช้กระทงอะไรดี
.
แน่นอนว่า “กระทงขนมปัง” กลายเป็นตัวเลือกแรกๆ ที่เรานึกถึง ด้วยคุณสมบัติของความเป็น “อาหาร” ที่คนกินได้ ปลาก็ (น่าจะ) กินดี ไม่น่าจะกลายเป็นขยะ หรือทำให้น้ำเน่าเสียได้ เหมือนกับกระทงชนิดอื่นๆ
.
แต่เชื่อเถอะว่า ไม่ว่าจะเป็นการลอยกระทงด้วยวัสดุอะไร ก็เป็นการสร้างขยะ และส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศได้ทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่ “กระทงขนมปัง” ที่ถึงแม้จะย่อยสลายได้ง่ายกว่ากระทงประเภทอื่นๆ แต่ก็ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมได้เช่นเดียวกัน
.
และนี่คือ 3 เหตุผลที่ว่า ทำไมเราถึงไม่ควรลอย “กระทงขนมปัง” หากต้องการรักษาสิ่งแวดล้อมจริงๆ
.
[กระทงขนมปัง ยิ่งลอยเยอะ ปลายิ่งกินไม่หมด]
.
ไม่ใช่ปลาทุกชนิดจะกินขนมปังเป็นอาหาร เพราะปลามีหลายสายพันธุ์มากๆ บางสายพันธุ์กินพืช (ขนมปังจัดอยู่ในหมวดนี้) บางสายพันธุ์กินสัตว์ บ้างก็กินทั้งพืชและสัตว์ ดังนั้น ในความเป็นจริงของบ่อน้ำและระบบนิเวศที่มีความหลากหลายมากๆ ก็อาจจะมีปลาที่กินขนมปัง และปลาที่ไม่กินขนมปังอยู่ร่วมกันก็ได้
.
และหากใครเคยเลี้ยงปลา คงจะรู้ดีว่าการให้อาหารปลามากเกินไป โดยไม่สนทั้งจำนวนปลา และปริมาณความกว้างของตู้ ก็ทำให้น้ำเน่าเสียและปลาตายกันมานักต่อนักแล้ว
.
[กระทงขนมปัง เปื่อยยุ่ยง่าย กำจัดยาก]
.
“กระทงขนมปัง” โดยส่วนใหญ่มักถูกทำให้กลวงตรงกลาง เพื่อให้สามารถลอยได้ และเมื่อสัมผัสกับน้ำแล้วก็จะเริ่มเปื่อยทันที แต่กว่าจะถึงเวลาเก็บขยะกระทงในเช้าวันถัดไป กระทงขนมปังก็อาจจะยุ่ย จนไม่สามารถตักขึ้นมาจากแหล่งน้ำได้โดยง่าย
.
[กระบวนการย่อยสลาย ทำให้ “ออกซิเจน” ในน้ำต่ำ เสี่ยงน้ำเน่า-ปลาตาย]
.
เมื่อ “กระทงขนมปัง” เปื่อยยุ่ยและจมลงในแหล่งน้ำ จะถูกเชื้อจุลินทรีย์ย่อยสลาย โดยใช้ “ออกซิเจน” ในน้ำเป็นตัวช่วย นั่นจึงทำให้ปริมาณออกซิเจนในน้ำลดลง จนเกิดภาวะ "hypoxia" หรือภาวะขาดออกซิเจน และอาจทำให้น้ำเน่าเสีย และปลาตายได้
.
เมื่อปี 2566 สำนักสิ่งแวดล้อม กทม. ได้ออกมาให้ข้อมูลว่า ต้องใช้เวลา 4 เดือน เพื่อฟื้นฟูน้ำเน่าเสีย ภายใน "สวนสันติภาพ" เขตราชเทวี เพราะ "กระทงขนมปัง" บางส่วนที่เปื่อยยุ่ย และละลายไปกับน้ำ ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถจัดเก็บกระทงได้หมด ทำให้เกิดน้ำเน่าเสียและทำให้ปลาตาย โดยต้องดูดน้ำเสียและเลนในสระน้ำออก ก่อนจะกำจัดเชื้อที่เกิดจากการเน่าเสียในดินก้นสระ และเศษอินทรีย์ตกค้าง ด้วยการตากดินเพื่อฆ่าเชื้อ พร้อมปรับสภาพความเป็นกรด-ด่าง ด้วยปูนขาว ก่อนเติมน้ำใหม่ลงไป ซึ่งแต่ละขั้นตอนต้องใช้ระยะเวลา
.
สำหรับใครที่ต้องการลอยกระทงสวยๆ แต่ไม่อยากสร้างขยะ ก็สามารถลอยกระทงออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ greener.bangkok.go.th ถึงเที่ยงคืนของวันนี้ (5 พ.ย. 68) ซึ่งสามารถเลือกสวนสาธารณะที่ต้องการจะลอยได้ถึง 33 แห่ง (ไม่รวมไอคอนสยาม) และเลือกรูปแบบกระทงตามสไตล์ที่ตัวเองชื่นชอบได้ตามใจอีกด้วย
.
ขอบคุณแหล่งข้อมูลอ้างอิงจาก: สำนักสิ่งแวดล้อม กทม.
.
#ThaiPBS #ลอยกระทง #งานลอยกระทง #วันลอยกระทง
#ลอยกระทง2568 กลับมาอีกครั้ง พร้อมคำถามคาใจทุกยุคทุกสมัยว่า ถ้าเราอยากจะลอยกระทงสวยๆ เพื่อรักษาทั้งสิ่งแวดล้อม และสืบทอดประเพณีอันงดงามไปพร้อมกัน เราควรจะใช้กระทงอะไรดี
.
แน่นอนว่า “กระทงขนมปัง” กลายเป็นตัวเลือกแรกๆ ที่เรานึกถึง ด้วยคุณสมบัติของความเป็น “อาหาร” ที่คนกินได้ ปลาก็ (น่าจะ) กินดี ไม่น่าจะกลายเป็นขยะ หรือทำให้น้ำเน่าเสียได้ เหมือนกับกระทงชนิดอื่นๆ
.
แต่เชื่อเถอะว่า ไม่ว่าจะเป็นการลอยกระทงด้วยวัสดุอะไร ก็เป็นการสร้างขยะ และส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศได้ทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่ “กระทงขนมปัง” ที่ถึงแม้จะย่อยสลายได้ง่ายกว่ากระทงประเภทอื่นๆ แต่ก็ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมได้เช่นเดียวกัน
.
และนี่คือ 3 เหตุผลที่ว่า ทำไมเราถึงไม่ควรลอย “กระทงขนมปัง” หากต้องการรักษาสิ่งแวดล้อมจริงๆ
.
[กระทงขนมปัง ยิ่งลอยเยอะ ปลายิ่งกินไม่หมด]
.
ไม่ใช่ปลาทุกชนิดจะกินขนมปังเป็นอาหาร เพราะปลามีหลายสายพันธุ์มากๆ บางสายพันธุ์กินพืช (ขนมปังจัดอยู่ในหมวดนี้) บางสายพันธุ์กินสัตว์ บ้างก็กินทั้งพืชและสัตว์ ดังนั้น ในความเป็นจริงของบ่อน้ำและระบบนิเวศที่มีความหลากหลายมากๆ ก็อาจจะมีปลาที่กินขนมปัง และปลาที่ไม่กินขนมปังอยู่ร่วมกันก็ได้
.
และหากใครเคยเลี้ยงปลา คงจะรู้ดีว่าการให้อาหารปลามากเกินไป โดยไม่สนทั้งจำนวนปลา และปริมาณความกว้างของตู้ ก็ทำให้น้ำเน่าเสียและปลาตายกันมานักต่อนักแล้ว
.
[กระทงขนมปัง เปื่อยยุ่ยง่าย กำจัดยาก]
.
“กระทงขนมปัง” โดยส่วนใหญ่มักถูกทำให้กลวงตรงกลาง เพื่อให้สามารถลอยได้ และเมื่อสัมผัสกับน้ำแล้วก็จะเริ่มเปื่อยทันที แต่กว่าจะถึงเวลาเก็บขยะกระทงในเช้าวันถัดไป กระทงขนมปังก็อาจจะยุ่ย จนไม่สามารถตักขึ้นมาจากแหล่งน้ำได้โดยง่าย
.
[กระบวนการย่อยสลาย ทำให้ “ออกซิเจน” ในน้ำต่ำ เสี่ยงน้ำเน่า-ปลาตาย]
.
เมื่อ “กระทงขนมปัง” เปื่อยยุ่ยและจมลงในแหล่งน้ำ จะถูกเชื้อจุลินทรีย์ย่อยสลาย โดยใช้ “ออกซิเจน” ในน้ำเป็นตัวช่วย นั่นจึงทำให้ปริมาณออกซิเจนในน้ำลดลง จนเกิดภาวะ "hypoxia" หรือภาวะขาดออกซิเจน และอาจทำให้น้ำเน่าเสีย และปลาตายได้
.
เมื่อปี 2566 สำนักสิ่งแวดล้อม กทม. ได้ออกมาให้ข้อมูลว่า ต้องใช้เวลา 4 เดือน เพื่อฟื้นฟูน้ำเน่าเสีย ภายใน "สวนสันติภาพ" เขตราชเทวี เพราะ "กระทงขนมปัง" บางส่วนที่เปื่อยยุ่ย และละลายไปกับน้ำ ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถจัดเก็บกระทงได้หมด ทำให้เกิดน้ำเน่าเสียและทำให้ปลาตาย โดยต้องดูดน้ำเสียและเลนในสระน้ำออก ก่อนจะกำจัดเชื้อที่เกิดจากการเน่าเสียในดินก้นสระ และเศษอินทรีย์ตกค้าง ด้วยการตากดินเพื่อฆ่าเชื้อ พร้อมปรับสภาพความเป็นกรด-ด่าง ด้วยปูนขาว ก่อนเติมน้ำใหม่ลงไป ซึ่งแต่ละขั้นตอนต้องใช้ระยะเวลา
.
สำหรับใครที่ต้องการลอยกระทงสวยๆ แต่ไม่อยากสร้างขยะ ก็สามารถลอยกระทงออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ greener.bangkok.go.th ถึงเที่ยงคืนของวันนี้ (5 พ.ย. 68) ซึ่งสามารถเลือกสวนสาธารณะที่ต้องการจะลอยได้ถึง 33 แห่ง (ไม่รวมไอคอนสยาม) และเลือกรูปแบบกระทงตามสไตล์ที่ตัวเองชื่นชอบได้ตามใจอีกด้วย
.
ขอบคุณแหล่งข้อมูลอ้างอิงจาก: สำนักสิ่งแวดล้อม กทม.
.
#ThaiPBS #ลอยกระทง #งานลอยกระทง #วันลอยกระทง