"พล.ต.ต.จรูญเกียรติ" เผยเอาผิด 6 ตร.เกี่ยวข้องส่วยสติกเกอร์

อาชญากรรม
5 ก.ย. 66
19:38
519
Logo Thai PBS
"พล.ต.ต.จรูญเกียรติ" เผยเอาผิด 6 ตร.เกี่ยวข้องส่วยสติกเกอร์
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
รักษาราชการผู้บังคับการตำรวจทางหลวง เผยดำเนินคดีตำรวจ 6 นายที่มีหลักฐานชัดเจนเกี่ยวข้องทุจริตส่วยสติกเกอร์ ส่งเรื่อง ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด

จากกรณีนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.พรรคก้าวไกล เปิดโปงเกี่ยวกับการทุจริตส่วยสติกเกอร์ตำรวจทางหลวงนั้น

วันนี้ (5 ก.ย.2566) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจทางหลวง เปิดเผยความคืบหน้าการตรวจสอบพบมีตำรวจเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเรียกรับส่วยสติกเกอร์ 29 นาย ในจำนวนนี้ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษไปแล้ว 6 นาย ฐานความผิดตามมาตรา 157 ละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือทุจริต และมาตรา 149 เรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนหรือผู้อื่นโดยไม่ชอบ โดยถูกส่งเรื่องไป ป.ป.ช. เพื่อชี้มูลความผิด ส่วนที่เหลืออีก 23 นายเบื้องต้นเป็นรายชื่อที่ถูกพาดพิง ยังไม่มีหลักฐานเอาผิด

สำหรับตำรวจทั้ง 6 นาย ทั้งเป็นชุดเฉพาะกิจของกองบังคับการตำรวจทางหลวง ที่ถูกแต่งตั้งขึ้นมาจากผู้บังคับการตำรวจทางหลวงคนก่อน มีอำนาจจับกุมทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังพบเจ้าหน้าที่กรมทางหลวงที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับด่านช่างน้ำหนักเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมทางหลวง ซึ่งจะรวบรวมรายชื่อทั้งหมดส่งให้ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด

ส่วนประเด็นที่มีรายชื่อภรรยาของนายตำรวจระดับรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม เข้าไปเกี่ยวข้องกับสติกเกอร์รูปกระต่าย จากการตรวจสอบพบว่ามีความเชื่อมโยงกับส่วยสติกเกอร์จริง โดยหลักฐานต่าง ๆ กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) ได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด รายงานให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณา

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยอีกว่า นอกจากกรณีส่วยสติกเกอร์ทางหลวงแล้ว ยังตรวจสอบพบตำรวจในสังกัดกองบังคับการตำรวจทางหลวงอีก 11 นาย มีพฤติกรรมเรียกรับผลประโยชน์จากการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งได้สั่งตรวจสอบและลงโทษทางวินัยไปแล้ว หากมีหลักฐานชัดเจนก็จะดำเนินคดีส่ง ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดต่อไป

นอกจากนี้ การตรวจสอบเรื่องดังกล่าวพบว่ามีความพยายามจากผู้ประกอบการรถบรรทุกบางคน ติดต่อขอให้ช่วยเหลือผ่อนปรนการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการบรรทุกน้ำหนักเกิน ซึ่งตนเองมองว่าเรื่องนี้ตำรวจไม่มีอำนาจให้การช่วยเหลือ เป็นหน้าที่ของกระทรวงคมนาคม ซึ่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบเพื่อให้แก้ไขกฎหมายให้สามารถบรรทุกเกินได้

แต่ปัจจุบัน อธิบดีกรมทางหลวงได้กำชับให้ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการบรรทุกน้ำหนักเกินอย่างเต็มที่โดยไม่ละเว้น เพราะปัญหาดังกล่าวสร้างความเสียหายกับถนนทางหลวงหลายสาย ซึ่งต้องเสียงบประมาณซ่อมแซมเป็นจำนวนมาก

อ่านข่าวอื่นๆ

1 เดือน ตำรวจ ปส.จับคดี "ยาบ้า" 17 ล้านเม็ด มูลค่า 122 ล้านบาท

"บิ๊กโจ๊ก" บินพบ ผบ.ตร.กัมพูชา ตามจับแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกคนไทย

แอดมินเพจแจงโพสต์ 5 ข้อที่ผู้หญิงไม่ควรทำบนแท็กซี่ หวังเตือนภัย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง