รายงานฉบับใหม่ของธนาคารเพื่อพัฒนาเอเชีย หรือเอดีบี คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจพม่าจะเติบโตร้อยละ 6 ปีนี้ และเงินเฟ้อจะอยู่ในระดับร้อยละ 6.2 ขณะที่เศรษฐกิจพม่าจะขยายตัวได้ถึงร้อยละ 7 ถึง ร้อยละ 8 หากภาครัฐบาลเดินหน้าการปฏิรูปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็จะช่วยให้พม่ากลายเป็นประเทศที่มีรายได้ระดับกลาง รวมทั้งเพิ่มรายได้ประชาชาติ หรือจีดีพีต่อหัวเป็นสามเท่า ภายในปี 2573 หรืออีกไม่ถึง 20 ปีข้างหน้า โดยในรายงานฉบับนี้ยังระบุว่า พม่ามีความได้เปรียมจากการที่มีภูมิศาสตร์ที่ตั้งอยู่ศูนย์กลางอาเชียน และอยู่ระหว่างเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่อย่างจีนและอินเดีย ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมการค้าการลงทุน นอกจากนี้พม่ายังมีจุดแข็งอีกหลายประการ รวมถึงแรงงานที่มีอายุน้อย พร้อมกับทรัพยากรธรรมชาติที่มีความอุดมสมบูรณ์ อย่างน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และแร่
นางซิน ยอง ปาร์ค ผู้ช่วยหัวหน้าเศรษฐกรของเอดีบี ระบุว่า การปฏิรูปโครงสร้างการลงทุนของพม่าได้เกิดขึ้นแล้ว โดยทางรัฐบาลพม่าได้ออกกฏหมายธนาคารกลางฉบับใหม่ รวมถึงมาตรฐานอัตราแลกเปลี่ยนเดียว โดยล่าสุดสภานิติบัญญัติของพม่าก็อยู่ในระหว่างการพิจารณาร่างพ.ร.บ.การลงทุน เพื่อให้การทำธุรกิจในประเทศมีความสะดวกขึ้น
ในขณะที่พม่ายังคงต้องเผชิญกับปัญหาอีกมากมาย โดย 1 ใน 4 ของคนพม่าอยู่ในสถานะความยากจน และไม่มีไฟฟ้าใช้ และเพียง 1 ใน 5 ของถนนได้ถูกสร้างบนหลักเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งนักวิชาการเอดีบีแนะนำว่า พม่าต้องลงทุนในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน การศึกษา และสาธารณสุขให้มากกว่านี้ ควบคู่กับการพัฒนาเศรษฐกิจ ดังนั้น พม่าจึงต้องปฏิรูปการจัดเก็บภาษีให้มีประสิทธิภาพ เพื่อรับมือกับงบประมาณที่จะเพิ่มขึ้น โดยทั้งนี้ พม่าจำเป็นต้องขยายฐานเศรษฐกิจไปยังภาคอุตสาหกรรมและการบริการด้วย เพื่อรับมือกับความต้องการงานที่สูงขึ้น ซึ่งขณะนี้ พม่าได้พึ่งพาภาคเกษตรเกือบร้อยละ 40 ของจีดีพี