ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

รู้จัก "หญ้าหวาน" สมุนไพรสุดชิก หวานฟิน ไร้แคลอรี

ไลฟ์สไตล์
13 พ.ค. 68
12:16
1,899
Logo Thai PBS
รู้จัก "หญ้าหวาน" สมุนไพรสุดชิก หวานฟิน ไร้แคลอรี
อ่านให้ฟัง
13:33อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
"หญ้าหวาน" ขุมทรัพย์ความหวานมาพร้อมสุขภาพดี ด้วยพลังหวานไม่มีแคลอรี น้ำตาลในเลือดไม่พุ่ง เหมาะกับทุกคน ทั้งสายรักสุขภาพไปจนถึงผู้ป่วยเบาหวาน ชงกินง่าย ๆ ได้ที่บ้านไปจนถึงครองวงการอาหารโลก ปลูกง่าย ช่วยประหยัด ได้ของสดไร้สารเคมี

ในยุคที่ความตระหนักด้านสุขภาพเพิ่มสูงขึ้น การค้นหาสารให้ความหวานที่ทั้งปลอดภัยและเป็นมิตรต่อร่างกายกลายเป็นประเด็นสำคัญ สเตเวีย (Stevia rebaudiana) หรือที่รู้จักในชื่อ "หญ้าหวาน" ในประเทศไทย ได้รับความสนใจอย่างมาก ในฐานะสารให้ความหวานจากธรรมชาติที่ปราศจากแคลอรีและไม่กระทบระดับน้ำตาลในเลือด

พืชสมุนไพรชนิดนี้ มีถิ่นกำเนิดในปารากวัยและบราซิล โดยชนพื้นเมืองกวารานี ใช้ใบสเตเวียเพื่อเพิ่มความหวานในเครื่องดื่มและยาสมุนไพรมานานหลายศตวรรษ ด้วยคุณสมบัติที่หวานเข้มข้นถึง 200-300 เท่าของน้ำตาลทราย สเตเวียได้รับการยอมรับในระดับสากล รวมถึงในประเทศไทย ซึ่งมีการใช้ทั้งในครัวเรือนและอุตสาหกรรมอาหาร 

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

"หญ้าหวาน" ไม่ใช่หญ้า

สเตเวีย (Stevia rebaudiana Bertoni) เป็นพืชในวงศ์ Asteraceae ซึ่งเป็นวงศ์เดียวกับดอกเดซี ดอกทานตะวัน และผักกาดหอม แต่ในประเทศไทยเรียกว่า "หญ้าหวาน" ซึ่งอาจทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นพืชในวงศ์ Poaceae (วงศ์หญ้า) เช่น ข้าวหรือหญ้าแฝก

อย่างไรก็ตาม หญ้าหวานเป็นพืชใบเลี้ยงคู่ (Dicotyledon) ไม่ใช่ใบเลี้ยงเดี่ยว (Monocotyledon) จึงจัดเป็นไม้พุ่มล้มลุกยืนต้นมากกว่าหญ้า ตามการจำแนกทางพฤกษศาสตร์ ชื่อ "หญ้าหวาน" น่าจะมาจากลักษณะใบที่เรียวและการใช้คำในภาษาไทยที่ครอบคลุมพืชสมุนไพรล้มลุกหลายชนิด

หญ้าหวานเป็นพืชพุ่มเตี้ย สูงประมาณ 30-100 ซม. ใบมีลักษณะเป็นรูปหอกคว่ำ ขอบหยัก สีเขียวอ่อน ขนาดยาว 2-3 ซม. ใบเป็นแหล่งของสารสตีวิออลไกลโคไซด์ (Steviol glycosides) ซึ่งเป็นสารประกอบที่ให้ความหวาน โดยเฉพาะสตีวิโอไซด์ (Stevioside) และ รีบาวดิโอไซด์ เอ (Rebaudioside A) พืชนี้จะออกดอกสีขาวหรือม่วงอ่อนเป็นช่อเล็ก ๆ ที่ปลายยอด โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนหรือเมื่อช่วงแสงสั้นลง (วันสั้น) หญ้าหวานเจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศกึ่งเขตร้อน อุณหภูมิ 20-26°C และระดับความสูง 500-1,500 เมตรจากระดับน้ำทะเล

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

หวานกว่าน้ำตาล 300 เท่า

ใบหญ้าหวานสดประกอบด้วยสารอาหารในปริมาณเล็กน้อย ได้แก่ แร่ธาตุ เช่น โพแทสเซียม (1,800 มก./100 กรัม), แคลเซียม (540 มก./100 กรัม), แมกนีเซียม (180 มก./100 กรัม) และธาตุเหล็ก (5.9 มก./100 กรัม) รวมถึงวิตามิน เช่น วิตามินซีและวิตามินบีรวมในปริมาณน้อย

อย่างไรก็ตาม คุณค่าทางโภชนาการที่โดดเด่นที่สุดคือ "สารสตีวิออลไกลโคไซด์" ซึ่งให้ความหวานโดยไม่เพิ่มแคลอรี ใบหญ้าหวานแห้ง 100 กรัมให้พลังงานเพียง 2.7 กิโลแคลอรี เทียบกับน้ำตาลทรายที่ให้ 387 กิโลแคลอรี สารสตีวิออลไกลโคไซด์ในใบแห้งประกอบด้วยสตีวิโอไซด์ (ร้อยละ 5-10) และ รีบาวดิโอไซด์ เอ (ร้อยละ 2-4) ซึ่งมีความหวานมากกว่าน้ำตาลทราย 200-300 เท่า

ผลิตภัณฑ์หญ้าหวานในเชิงพาณิชย์ เช่น ผงสกัดหรือสารสกัดเหลว มักผ่านการกลั่นเพื่อให้ได้เฉพาะไกลโคไซด์ ทำให้สูญเสียสารอาหารอื่น ๆ เกือบทั้งหมด อย่างไรก็ตาม คุณสมบัติที่ไม่มีแคลอรีและไม่ส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดทำให้หญ้าหวานเป็นสารให้ความหวานที่ปลอดภัย

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ประโยชน์ "หญ้าหวาน" ต่อสุขภาพ

  1. ควบคุมน้ำหนักและลดปริมาณแคลอรี หญ้าหวาน เป็นสารให้ความหวานที่ปราศจากแคลอรี ซึ่งช่วยลดปริมาณพลังงานที่ได้รับเมื่อเทียบกับน้ำตาลทราย การศึกษาในวารสาร American Journal of Clinical Nutrition ปี 2553 พบว่าการใช้สารให้ความหวานแคลอรีต่ำ เช่น หญ้าหวาน สามารถช่วยลดน้ำหนักหรือป้องกันการเพิ่มน้ำหนักในผู้ที่มีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน คุณสมบัตินี้ทำให้ หญ้าหวาน เหมาะสำหรับผู้ที่รับประทานอาหารควบคุมน้ำหนัก รวมถึงอาหารแบบคีโตเจนิก (Ketogenic diet) หรืออาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำ

  2. การจัดการระดับน้ำตาลในเลือดและเบาหวาน สตีวิออลไกลโคไซด์ไม่กระตุ้นการหลั่งอินซูลินหรือเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด ทำให้ หญ้าหวาน เป็นสารให้ความหวานที่ปลอดภัยสำหรับผู้ป่วยเบาหวานและผู้ที่มีภาวะก่อนเบาหวาน การศึกษาใน Journal of Medicinal Food ระบุว่า หญ้าหวาน อาจช่วยเพิ่มความไวต่ออินซูลินและลดระดับน้ำตาลในเลือดในสัตว์ทดลอง อย่างไรก็ตาม การวิจัยในมนุษย์ยังคงต้องดำเนินการเพิ่มเติมเพื่อยืนยันผลลัพธ์เหล่านี้

  3. สุขภาพหัวใจและหลอดเลือด งานวิจัยใน Nutrition Journal ปี 2546 พบว่า หญ้าหวาน อาจช่วยลดความดันโลหิตในผู้ที่มีความดันโลหิตสูงเล็กน้อย โดยอาจผ่านกลไกการขยายหลอดเลือดและการขับปัสสาวะ นอกจากนี้ หญ้าหวาน ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น โพลีฟีนอลและฟลาโวนอยด์ ซึ่งช่วยลดความเสียหายจากออกซิเดชันในร่างกาย

  4. สุขภาพช่องปาก หญ้าหวาน ไม่ก่อให้เกิดฟันผุ เนื่องจากแบคทีเรียในช่องปากไม่สามารถใช้สตีวิออลไกลโคไซด์ในการผลิตกรดที่ทำลายเคลือบฟันได้ หญ้าหวานยังมีฤทธิ์ต้านแบคทีเรียบางชนิดที่ก่อให้เกิดคราบพลัค คุณสมบัตินี้ทำให้หญ้าหวานถูกนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก เช่น ยาสีฟัน หมากฝรั่ง และน้ำยาบ้วนปาก

  5. ความปลอดภัย สตีวิออลไกลโคไซด์ได้รับการรับรองว่าปลอดภัยโดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) และคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุเจือปนอาหารของ FAO/WHO (JECFA) โดยกำหนดปริมาณที่ยอมรับได้ต่อวัน (ADI) ที่ 4 มก./กก. น้ำหนักตัวต่อวัน ในประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุขอนุญาตให้ใช้ใบหญ้าหวานเป็นชาสมุนไพรและสารสตีวิออลไกลโคไซด์เป็นวัตถุเจือปนอาหาร
ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ใครกิน "หญ้าหวาน" ได้บ้าง ?

  • ผู้ป่วยเบาหวานและภาวะก่อนเบาหวาน เนื่องจากไม่ส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดและอาจช่วยเพิ่มความไวต่ออินซูลิ
  • ผู้ควบคุมน้ำหนัก ผู้ที่ต้องการลดปริมาณแคลอรีโดยไม่สูญเสียรสชาติหวาน
  • ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงเล็กน้อย อาจได้รับประโยชน์จากฤทธิ์ลดความดันโลหิต
  • เด็กและผู้ใหญ่ที่บริโภคอาหารหวานบ่อย ลดความเสี่ยงต่อฟันผุและการบริโภคน้ำตาลมากเกินไป
  • ผู้ที่รับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ เช่น อาหารคีโตเจนิก อาหารมังสวิรัติ หรืออาหารปลอดกลูเตน
  • ผู้ที่แพ้น้ำตาลแอลกอฮอล์ เช่น ซอร์บิทอลหรือมอลติทอล ซึ่งอาจก่อให้เกิดอาการท้องอืดในบางคน

แต่ก็มีข้อควรระวัง ผู้ที่แพ้พืชในวงศ์ Asteraceae (เช่น ดอกคาโมไมล์ ผักกาดหอม) อาจมีอาการแพ้ เช่น ผื่นหรืออาการคัน ควรทดลองบริโภคในปริมาณน้อยก่อน การบริโภค หน้าหวาน มากเกินไปอาจทำให้รู้สึกถึงรสฝาดหรือขม ซึ่งอาจลดความพึงพอใจในรสชาติ ผู้ที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ หญ้าหวาน ในปริมาณมาก

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

อุตสาหกรรมอาหารจากหญ้าหวาน

1. การใช้ในครัวเรือน ใบหญ้าหวานสดหรือแห้ง สามารถนำไปชงเป็นชาสมุนไพร ผสมในสมูทตี้ หรือใช้ปรุงอาหารเพื่อสุขภาพ สารสกัดสเตเวียในรูปแบบผง น้ำ หรือเม็ด เหมาะสำหรับเครื่องดื่มร้อนหรือเย็น ขนมอบ โยเกิร์ต และซอส เนื่องจากความหวานเข้มข้น จึงควรใช้ในปริมาณน้อย ตัวอย่างเช่น สารสกัดหญ้าหวาน 1 หยด เทียบเท่าความหวานของน้ำตาลทราย 1 ช้อนชา สตีวิโอไซด์อาจมีรสฝาดคล้ายชะเอมเทศ ซึ่งสามารถลดได้โดยเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีรีบาวดิโอไซด์ เอ สูง ซึ่งให้รสชาติสะอาดและใกล้เคียงน้ำตาลมากกว่า

2. การใช้ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม หญ้าหวานถูกนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม เช่น น้ำอัดลมไร้น้ำตาล โยเกิร์ต ลูกอม ช็อกโกแลต และไอศกรีม คุณสมบัติที่ทนต่อความร้อนสูงถึง 200°C และความคงตัวในสภาพ pH 3-9 ทำให้เหมาะสำหรับการแปรรูปอาหาร นอกจากนี้ หญ้าหวานยังถูกใช้ในเครื่องดื่มชูกำลังและเครื่องดื่มเกลือแร่เพื่อเพิ่มรสชาติโดยไม่เพิ่มแคลอรี

3. การใช้ในผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ ด้วยคุณสมบัติที่ไม่ก่อให้เกิดฟันผุ หญ้าหวานถูกนำไปใช้ในยาสีฟัน หมากฝรั่ง และน้ำยาบ้วนปาก นอกจากนี้ ยังใช้เป็นสารแต่งรสในยาน้ำ ลูกอมยา และยาเม็ดเคี้ยว โดยเฉพาะในผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กและผู้ป่วยเบาหวาน 

4. การใช้ในยาสมุนไพรและการแพทย์พื้นบ้าน ในอเมริกาใต้ หญ้าหวาน ถูกใช้ในยาสมุนไพรเพื่อช่วยย่อย ลดความดันโลหิต และรักษาแผลเล็ก ๆ การศึกษาใน Food Chemistry ปี 2559 พบว่าสารสกัดหญ้าหวาน มีฤทธิ์ต้านจุลินทรีย์ต่อแบคทีเรียบางชนิด เช่น Staphylococcus aureus ซึ่งอาจนำไปสู่การพัฒนาสารกันบูดตามธรรมชาติในอนาคต

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

การเพาะปลูกหญ้าหวาน

หญ้าหวานเจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศกึ่งเขตร้อนหรือเขตอบอุ่น โดยเฉพาะที่อุณหภูมิ 20-26°C และระดับความสูง 500-1,500 เมตรจากระดับน้ำทะเล ชอบดินร่วนที่มีการระบายน้ำดี ค่า pH 6.0-7.5 และแสงแดดเต็มวันถึงร่มเงาบางส่วน การรดน้ำควรสม่ำเสมอแต่ไม่ให้ดินชุ่มน้ำเกินไปเพื่อป้องกันรากเน่า 

ขยายพันธุ์ด้วยการปักชำเป็นวิธีที่นิยม เนื่องจากช่วยรักษาความสม่ำเสมอของปริมาณสตีวิออลไกลโคไซด์ การปลูกจากเมล็ดเป็นไปได้แต่ผลลัพธ์อาจแตกต่างกัน เนื่องจากความแปรปรวนทางพันธุกรรม การย้ายกล้าลงดินควรทำหลังช่วงน้ำค้างแข็งสุดท้ายเพื่อให้พืชตั้งตัวได้ดี

ใบหญ้าหวาน ควรเก็บเกี่ยวก่อนออกดอก (ประมาณ 90–120 วันหลังปลูก) เนื่องจากปริมาณสตีวิออลไกลโคไซด์จะสูงสุดในช่วงนี้ ใบสามารถใช้สด ตากแห้ง หรือบดเป็นผงสำหรับใช้ในครัวเรือน การสกัดสารให้ความหวานที่บ้านทำได้โดยการแช่ใบแห้งในน้ำร้อนหรือแอลกอฮอล์เกรดอาหาร แล้วกรองเพื่อให้ได้สารสกัดเหลว

ในประเทศไทย หญ้าหวานมีการปลูกในพื้นที่ภาคเหนือ เช่น เชียงใหม่ เชียงราย และ ลำปาง เนื่องจากสภาพอากาศและระดับความสูงที่เหมาะสม การปลูกหญ้าหวานในสวนครัวหรือกระถางเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยม เนื่องจากดูแลง่ายและสามารถเก็บเกี่ยวได้ตลอดทั้งปี การตัดแต่งกิ่งเป็นประจำช่วยกระตุ้นการแตกใบและยืดอายุของพืช ซึ่งเป็นพืชยืนต้นในสภาพอากาศที่เหมาะสม

แม้ว่าหญ้าหวานจะมีศักยภาพสูง แต่ยังเผชิญความท้าทาย เช่น รสฝาดจากสตีวิโอไซด์ ซึ่งสามารถแก้ไขได้โดยการพัฒนาสายพันธุ์ที่มีรีบาวดิโอไซด์ เอ สูง หรือการใช้เทคโนโลยีการสกัดที่ทันสมัย นอกจากนี้ การขยายพื้นที่เพาะปลูกในประเทศไทยอาจเผชิญข้อจำกัดด้านสภาพดินและการจัดการน้ำ ซึ่งต้องมีการวิจัยและพัฒนาต่อไป

ในอนาคต หญ้าหวานมีแนวโน้มเติบโตในตลาดโลก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น หญ้าหวานผสมกับสารให้ความหวานอื่น ๆ เพื่อปรับปรุงรสชาติ และการใช้หญ้าหวานเป็นสารกันบูดธรรมชาติ จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับพืชชนิดนี้ นอกจากนี้ การส่งเสริมการปลูกหญ้าหวานในระดับชุมชนสามารถสร้างรายได้ให้เกษตรกรและสนับสนุนความยั่งยืนด้านอาหาร

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ที่มา : Nutrition Journal, กรมวิชาการเกษตร (2562). การปลูกสเตเวียในประเทศไทย, FAO 

อ่านข่าวอื่น :

"นายกฯ เบี้ยว" แถลงพร้อมภรรยา ว่าที่นายกฯ ตำบลธัญบุรี คนใหม่

https://www.thaipbs.or.th/news/content/352054

ข่าวที่เกี่ยวข้อง