"บัวขาว" ยันไม่แขวนนวม ขึ้นศาลเจรจากรณีไทยไฟต์ 15 ก.ค. นี้

นับตั้งแต่ไทยไฟท์ฟ้องร้องบัวขาว บัญชาเมฆ เป็นเงิน 50 ล้านบาทในข้อหาละเมิดสัญญา ทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่เคยเจรจาหาข้อสรุป และทำให้อนาคตการชกในรายการไทยไฟท์ปลายปีนี้อาจไม่แน่นอน แม้จะเหลือสัญญากับไทยไฟท์อีก 2 ปีก็ตาม ซึ่งขึ้นอยู่กับการเจรจาในชั้นศาลวันที่ 15 กรกฎาคมนี้ รวมถึงการตัดสินพิพากษาของศาลแพ่ง

แม้จะเจอปัญหารุมเร้าตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่บัวขาว บัญชาเมฆ ยืนยันไม่คิดจะแขวนนวมแน่นอน ส่วนเรื่องคดีความที่โดนไทยไฟท์ฟ้องเรียกร้องค่าเสียหาย 50 ล้านบาท หลังจากการขึ้นสังเวียนในรายการขะแมร์ไฟเตอร์ที่กัมพูชา บัวขาวเผยว่า ได้รับหมายศาลเรียบร้อยแล้ว โดยกำหนดจะขึ้นศาลในวันที่ 19 กรกฎาคมนี้

ปัญหาของทั้ง 2 ฝ่ายเกิดจากการตีความใน 3 ประเด็น โดยประเด็นแรกมีการตีความคำว่าชกโชว์ที่ต่างกัน ซึ่งในพรบ.กีฬามวยไม่ได้ระบุขอบข่ายของคำว่าชกโชว์อย่างชัดเจน ประเด็นที่ 2 คือการตีความการชกมวยในรายการขะแมร์ไฟเตอร์นั้นถือเป็นการขึ้นชกมวยไทยตามความหมายของ พรบ.หรือไม่ และประเด็นสุดท้าย บัวขาวสามารถรับงานโชว์ตัวต่างประเทศได้อิสระเพียงใดภายใต้สัญญากับไทยไฟท์เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยรับงานโชว์ตัวทั้งที่บราซิลและในสหรัฐอเมริกา

ปมปัญหาระหว่างบัวขาวกับไทยไฟท์ที่ทำให้บัวขาวตัดสินใจรับงานโชว์ตัว และการชกโชว์ในต่างประเทศโดยไม่ได้บอกฝ่ายจัดการแข่งขันไทยไฟท์ ทำให้เกิดความสับสน เพราะต่างฝ่ายต่างอ้างเหตุผลที่ยืนยันว่าถูกต้อง ทั้งที่ยังไม่เคยมีการเปิดเผยสัญญาอย่างเป็นทางการ จึงวิเคราะห์ไปได้หลายทาง เช่น สัดส่วนของผลประโยชน์อาจจะไม่ลงตัว หรือสัญญามีความรัดกุมเพียงใด

ในขณะที่นายบรรยวัสถ์ สังข์วรรณะ ทนายความของบัวขาวให้ความเห็นว่า เรื่องนี้ต้องดูหลักฐานและข้อเท็จจริงในศาล ซึ่งในคดีแพ่งสามารถไกล่เกลี่ยตกลงกันได้

ส่วนกรณีการออกมาเรียกร้องส่วนแบ่งจากค่าย ป.ประมุข นั้น บัวขาวยังเชื่อมั่นว่า ตัวเองไม่ได้บิดพลิ้ว เพราะค่าตัวจากการชกแข่งขันได้แบ่งให้ตามสัดส่วนร้อยละ 40 แต่การชกโชว์และรับงานโชว์ตัว รวมถึงการเป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณาที่ผ่านมาไม่ได้รับงานในนาม บัวขาว ป.ประมุข จึงไม่ได้แบ่งและไม่ได้เป็นการผิดสัญญา