วันนี้ (10 พ.ค.2568) โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เปิดเผยผ่านทรูธ โซเชียล ว่า อินเดียและปากีสถานตกลงที่จะหยุดยิงอย่างเต็มรูปแบบและในทันทีแล้ว
ทรัมป์ ระบุด้วยว่า การตกลงดังกล่าวมีขึ้นหลังจากทั้ง 2 ประเทศมีการพูดคุยกันอย่างยาวนานเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยมีสหรัฐฯ เป็นตัวกลาง พร้อมทั้งแสดงความยินดีกับความเคลื่อนไหวนี้
ด้านรัฐมนตรีต่างประเทศปากีสถาน ยืนยันเช่นกันว่า ปากีสถานและอินเดียได้ตกลงหยุดยิง โดยมีผลทันที
ขณะที่สำนักข่าว AFP รายงานอ้างแหล่งข่าวในรัฐบาลอินเดีย ว่า อินเดียและปากีสถานได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยเป็นการเจรจาทวิภาคี หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระบุว่าข้อตกลงดังกล่าวเกิดขึ้นผ่านการเจรจาที่สหรัฐฯ เป็นตัวกลาง
ชนวนขัดแย้งเหตุโจมตีนักท่องเที่ยวในแคชเมียร์
เหตุกราดยิงนักท่องเที่ยวที่เมืองพาฮาลแกม ในแคชเมียร์ฝั่งที่อยู่ภายใต้การปกครองของอินเดีย เมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา ถือเป็นเหตุโจมตีในแคชเมียร์ครั้งรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2019 เหตุการณ์นี้ทำให้มีนักท่องเที่ยวเสียชีวิตมากถึง 26 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวฮินดู จุดชนวนความขัดแย้งระลอกใหม่กับปากีสถาน ซึ่งอินเดียกล่าวหาว่าคอยให้ท้ายกลุ่มติดอาวุธที่ก่อเหตุรุนแรง
หลังเกิดเหตุ The Resistance Front กลุ่มแบ่งแยกดินแดนในแคชเมียร์ออกมาอ้างความรับผิดชอบ ซึ่งอินเดียเชื่อว่ากลุ่มแบ่งแยกดินแดนกลุ่มนี้เป็นเพียงหน้าฉากของ"ลาชการ์-อี-ตาอีบา" กลุ่มติดอาวุธซึ่งมีฐานที่มั่นอยู่ในปากีสถาน ขณะที่ปากีสถานยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุโจมตีที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด
จากนั้นความสัมพันธ์อินเดียกับปากีสถานเริ่มดำดิ่งลงอย่างหนัก หลังอินเดียตอบโต้ด้วยมาตรการหลายอย่าง รวมถึงการสั่งขับเจ้าหน้าที่ทางการทูตปากีสถาน ปิดด่านชายแดน ยกเลิกวีซาและระงับสนธิสัญญาแบ่งปันน้ำในแม่น้ำสินธุ ขณะที่ฝ่ายปากีสถานตอบโต้กลับด้วยมาตรการที่ไม่แตกต่างกัน
กองทัพอินเดียเปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า ทหารอินเดียและปากีสถานยิงปะทะข้ามเส้นควบคุมในแคชเมียร์ ต่อเนื่องทุกคืนนับตั้งแต่วันที่ 24 เม.ย. กระทั่งช่วงเช้ามืดวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา กองทัพอินเดียเปิดปฏิบัติการซินดูร์ โจมตีค่ายผู้ก่อการร้าย 9 จุดในปากีสถานและดินแดนแคชเมียร์ฝั่งปากีสถาน เพื่อตอบโต้เหตุสังหารนักท่องเที่ยวเมื่อปลายเดือน เม.ย. จุดชนวนให้ทั้ง 2 ประเทศเปิดฉากปะทะกันไปมาและทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ความขัดแย้งรุนแรงระหว่าง 2 ประเทศสร้างความกังวลให้กับทั้งโลกเพิ่มมากขึ้น หลังจากอินเดียและปากีสถานพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ได้สำเร็จ โดยอินเดียมีนิวเคลียร์อยู่ในความครอบครองเมื่อปี 1974 ขณะที่ปากีสถานพัฒนาสำเร็จในปี 1998 ปัจจุบันอินเดียครอบครองหัวรบนิวเคลียร์ 172 หัวรบ ส่วนปากีสถานมี 170 หัวรบ
ล่าสุด สำนักข่าว Reuters รายงานว่า รัฐมนตรีกลาโหมปากีสถานออกมายืนยันว่า ยังไม่มีการจัดประชุมของคณะกรรมการบัญชาการแห่งชาติ ซึ่งเป็นหน่วยงานมีอำนาจตัดสินใจสูงสุดของประเทศเกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์ ภายหลังการเปิดปฏิบัติการทางทหารกับอินเดียในช่วงเช้าวันที่ 10 พ.ค.ตามเวลาท้องถิ่น หลังจากกองทัพปากีสถานเปิดเผยว่านายกรัฐมนตรีเรียกร้องให้มีการประชุมของหน่วยงานดังกล่าว
อ่านข่าว
"ปากีสถาน" ตอบโต้ "อินเดีย" มุ่งเป้าโจมตีฐานทัพ-คลังเก็บขีปนาวุธ
"อินเดีย" ปิดสนามบิน 32 แห่งระงับเที่ยวบินพาณิชย์ถึง 15 พ.ค.